KKP Dime บริษัทในเครือเกียรตินาคินภัทร
Share modal

เรื่องจริง WhatsApp สมรภูมิสตาร์ทอัพท้าชนยักษ์ใหญ่โทรคมนาคม จากศูนย์ถึงยูนิคอร์นหมื่นล้าน

4 มิถุนายน 2568 · อ่าน 3 นาที

ธุรกิจหุ้น
copy link

Whatsapp2

 

หาก “สันติ” จาก “Mad Unicorn สงคราม ส่งด่วน” คือภาพแทนของนักธุรกิจชาวไทยตัวเล็ก ๆ  ผู้กล้าล้มยักษ์ในสมรภูมิเดลิเวอรีในไทย อีกฟากของโลกที่ซิลิคอนวัลเลย์ก็มีเรื่องราวของสองสหาย แจน คูม (Jan Koum) และ ไบรอัน แอคตัน (Brian Acton) ที่สร้าง WhatsApp ขึ้นมาท้าทายระเบียบเดิมของโลกการสื่อสารเช่นกัน

จุดเริ่มต้นของ WhatsApp ถือกำเนิดจากความหงุดหงิดส่วนตัวของแจน คูม ผู้อพยพชาวยูเครน ผู้เคยลิ้มรสความยากลำบากจนต้องพึ่งพาคูปองอาหารประทังชีวิต เขาเบื่อหน่ายกับค่าใช้จ่าย SMS ที่แสนแพง และความไม่เสถียรของบริการโทรศัพท์ในยุคนั้น ต่อมาเมื่อ iPhone และ App Store เปิดตัวในปี 2008 คูมมองเห็นศักยภาพอันยิ่งใหญ่ เขาเล่าความคิดนี้ให้ไบรอัน แอคตัน อดีตเพื่อนร่วมงานที่ Yahoo! ฟัง แอคตันเองก็เพิ่งผ่านประสบการณ์ขมขื่นจากการถูกปฏิเสธงานจากทั้ง Twitter และ Facebook ทั้งคู่จึงเหมือนมแผลร่วมกัน และก็เกิดความปรารถนาที่จะสร้างอะไรบางอย่างที่มีความหมาย

ช่วงก่อร่างสร้างตัวของ WhatsApp นั้นห่างไกลจากคำว่าสะดวกสบายมาก มันคือการต่อสู้ในแบบฉบับของสตาร์ทอัพไร้ชื่อเสียงไร้คนรู้จัก พวกเขาทุ่มเทเขียนโค้ดกันในอพาร์ตเมนต์เล็ก ๆ ของคูม โดยมีปรัชญาหลักที่ยึดมั่นคือ “No Ads, No Games, No Gimmicks” ไม่มีโฆษณา ไม่มีเกม ไม่ต้องมีลูกเล่นอะไรมากมาย ท่ามกลางกระแสที่บริษัทเทคฯ ส่วนใหญ่หมกมุ่นกับการหารายได้จากโฆษณาหรือขายข้อมูลผู้ใช้ WhatsApp กลับเลือกเส้นทางที่แตกต่าง พวกเขาต้องการสร้างบริการส่งข้อความที่บริสุทธิ์ รวดเร็ว และน่าเชื่อถือที่สุด นี่คือการเดิมพันครั้งใหญ่ที่สวนกระแสอย่างสิ้นเชิง คล้ายกับที่สันติอาจต้องต่อสู้กับแนวคิดทางธุรกิจแบบเดิม ๆ ที่เน้นกำไรระยะสั้นมากกว่าคุณค่าที่แท้จริงต่อผู้ใช้งาน

อุปสรรคแรก ๆ ที่พวกเขาเจอไม่ใช่แค่เรื่องเงินทุนที่จำกัด แต่คือการทำให้คนเชื่อในสิ่งที่พวกเขากำลังทำ WhatsApp เวอร์ชันแรก ๆ นั้นเต็มไปด้วยบั๊กและปัญหาทางเทคนิคจนคูมเกือบจะถอดใจไปแล้วหลายครั้ง แต่แอคตันคือคนที่คอยดึงเพื่อนกลับมาอยู่เสมอ พวกเขาค่อย ๆ แก้ปัญหา พัฒนาฟีเจอร์ไปทีละน้อย โดยมีผู้ใช้งานกลุ่มเล็ก ๆ ที่คอยให้กำลังใจและฟีดแบ็ก นี่คือช่วงเวลาของการกัดฟันสู้อย่างแท้จริง คล้ายกับที่สันติต้องเผชิญกับความท้าทายในการสร้างระบบขนส่งจากศูนย์ ต้องแก้ปัญหาเฉพาะหน้า และต้องแข่งกับเวลาและทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัด

แล้วจุดเปลี่ยนก็มาถึง เมื่อ Apple เปิดตัว Push Notifications ในปี 2009 คูมปรับปรุง WhatsApp ให้ผู้ใช้ได้รับการแจ้งเตือนทันทีเมื่อมีข้อความใหม่เข้ามา แม้จะไม่ได้เปิดแอปอยู่ก็ตาม ฟีเจอร์นี้เองที่ทำให้ WhatsApp เกิดอย่างแท้จริง ผู้คนเริ่มบอกต่อกันปากต่อปากถึงความสะดวกสบายและความรวดเร็วของมัน จำนวนผู้ใช้งานพุ่งทะยานต่อเนื่อง การเติบโตที่รวดเร็วนี้ นำมาซึ่งสงครามอีกรูปแบบหนึ่ง นั่นคือการต่อสู้กับโครงสร้างพื้นฐานของตัวเอง ทีมงาน WhatsApp ในยุคแรกนั้นเล็กมาก พวกเขาต้องทำงานกันหามรุ่งหามค่ำเพื่อรองรับผู้ใช้งานหลายสิบล้านคน แล้วก็ทะยานสู่หลายร้อยล้านคนทั่วโลก โดยแทบจะไม่มีวันหยุดพัก การรักษาเสถียรภาพของระบบภายใต้การเติบโตแบบก้าวกระโดดเช่นนี้ คือการต่อสู้ที่ต้องใช้พลังอย่างมหาศาล

ขณะเดียวกัน ในสนามแข่งขัน WhatsApp ก็ไม่ได้อยู่ตามลำพัง พวกเขาต้องเผชิญหน้ากับเจ้าสัวในวงการโทรคมนาคมอย่างผู้ให้บริการเครือข่ายมือถือ ที่สูญเสียรายได้มหาศาลจาก SMS นอกจากนี้ยังมีคู่แข่งโดยตรงอย่าง BBM (BlackBerry Messenger) ที่เคยยิ่งใหญ่ iMessage ของ Apple หรือแม้แต่ Skype และ Facebook Messenger ที่เริ่มคืบคลานเข้ามา แต่สิ่งที่ทำให้ WhatsApp โดดเด่นและเอาชนะใจผู้คนได้คือความเรียบง่าย ความน่าเชื่อถือ และที่สำคัญที่สุดคือการเคารพความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ ในขณะที่คู่แข่งหลายรายเริ่มเก็บข้อมูลผู้ใช้เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ทางการตลาด WhatsApp กลับยืนหยัดในจุดยืนเดิม ไม่มีการสอดแนมข้อมูล ไม่มีโฆษณา นี่คืออาวุธลับที่สร้างความไว้วางใจได้เป็นอย่างดี

เรื่องราวของ WhatsApp ดำเนินมาถึงจุดสูงสุดเมื่อ Facebook ยื่นข้อเสนอมูลค่า 19,000 ล้านดอลลาร์ เพื่อเข้าซื้อกิจการในปี 2014 การตัดสินใจครั้งนี้เปรียบได้กับการที่ม้ายูนิคอร์นตัวนี้ได้รับการยอมรับในศักยภาพอย่างเป็นทางการ แต่เบื้องหลังความสำเร็จอันหอมหวานนั้น ก็แฝงไว้ด้วยความท้าทายใหม่ คูมและแอคตันตกลงขายโดยมีเงื่อนไขว่า WhatsApp จะยังคงรักษาความเป็นอิสระและปรัชญาเดิมไว้ แต่เมื่อเวลาผ่านไป ความขัดแย้งทางความคิดกับผู้บริหารของ Facebook ในเรื่องการนำข้อมูลผู้ใช้ไปใช้ประโยชน์และการใส่โฆษณาในแพลตฟอร์มก็เริ่มคุกรุ่นขึ้นเรื่อย ๆ นี่คือสงครามภายในที่พวกเขาต้องต่อสู้เพื่อรักษาอุดมการณ์ที่ปลุกปั้นมากับมือ

ท้ายที่สุด ทั้งแจน คูม และไบรอัน แอคตัน ก็เลือกที่จะเดินออกจาก Facebook โดยทิ้งหุ้นมูลค่ามหาศาลไว้เบื้องหลัง การตัดสินใจนี้สะท้อนถึงความยึดมั่นในหลักการที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าเม็ดเงิน ไบรอัน แอคตัน ถึงกับเคยทวีตข้อความต่อต้าน Facebook ในช่วงที่ Facebook มีข่าวฉาวเรื่องข้อมูลรั่วไหล และนำเงินส่วนหนึ่งไปก่อตั้ง Signal Foundation เพื่อสนับสนุนการสร้างแอปพลิเคชันสื่อสารที่เน้นความเป็นส่วนตัวอย่างแท้จริง

เรื่องราวของแจน คูม และไบรอัน แอคตัน กับ WhatsApp เป็นตัวอย่างของความสำเร็จของสตาร์ทอัพที่ต่อสู้เพื่อสิ่งที่พวกเขาเชื่อมั่น จากคนธรรมดาที่มีเพียงไอเดียและความมุ่งมั่น ได้สร้างเครื่องมือที่เปลี่ยนแปลงวิธีการสื่อสารของผู้คนนับพันล้านคนทั่วโลก เป็นพลังอันยิ่งใหญ่ที่สร้างแรงบันดาลใจให้คนทั้งโลกได้ เหมือนเรื่องราวของ “สันติ” ที่กำลังสร้างแรงบันดาลใจให้คนไทยในตอนนี้

ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน


Dime! ครบเครื่องเรื่องการเงิน แอปพลิเคชันที่ทุกคนสามารถเข้าถึงการลงทุนได้อย่างเท่าเทียม 

เรารอฟังคำแนะนำจากทุกคนอยู่ ติดต่อเราได้เลยทางแอป Dime! หรือช่องทางโซเชียล Facebook และ LINE

[รู้จักเรา]
Dime! (ไดม์!) แปลว่าเหรียญ 10 เซนต์ (ประมาณ 3 บาทสื่อถึงความตั้งใจของเราที่จะทำให้การเงินการลงทุน เป็นเรื่องที่คุณเข้าถึงได้ง่ายเหมือนกับเงิน 1 ไดม์

KKP Dime บริษัทในเครือเกียรตินาคินภัทร

KKP Dime
เป็นบริษัทในเครือเกียรตินาคินภัทร

img-qr-code
img-qr-ring
สแกนเพื่อ
ดาวน์โหลด
แอป Dime!
ผลิตภัณฑ์
ออมเงินลงทุนจัดการ
กฎหมายและข้อบังคับ
ประกาศนโยบายการใช้คุกกี้ประกาศความเป็นส่วนตัวใบอนุญาตประกอบธุรกิจฯ
facebookinstagramtwittertiktoklineblockdit
© สงวนลิขสิทธิ์ บริษัท หลักทรัพย์ เคเคพี ไดม์ จำกัด