มารู้จักดัชนีหุ้นสหรัฐฯ กัน !!
17 มีนาคม 2565 · อ่าน 3 นาที
หุ้น
ทุกวันนี้ถ้าพูดถึงการลงทุนในต่างประเทศ ประเทศแรก ๆ ที่นักลงทุนอย่างเราจะนึกถึงคงหนีไม่พ้น “ตลาดหุ้นสหรัฐฯ” เพราะสหรัฐฯ เป็นประเทศที่มีมูลค่า GDP มากที่สุดในโลก และหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีส่วนใหญ่ก็อยู่ในตลาดนี้
อีกทั้งถึงจะไม่ได้ลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ โดยตรง การรู้จักดัชนีหุ้นสหรัฐฯ ไว้ก็เป็นสิ่งจำเป็น เพราะบางครั้งตลาดหุ้นประเทศอื่น ก็มักเคลื่อนไหวไปตามดัชนีหุ้นสหรัฐฯ ด้วยเหมือนกัน
วันนี้เลยจะพาทุกคนมารู้จักกับตลาดหุ้นสหรัฐฯ ให้มากขึ้นผ่านดัชนีหุ้นที่สำคัญกันครับ
📌 ตลาดหุ้นสหรัฐฯ
เริ่มแรกเรามารู้จักตลาดหุ้นสหรัฐฯ กันก่อน สำหรับตลาดหุ้นสหรัฐฯ จะมีอยู่ 2 ตลาดที่สำคัญ คือ ตลาดหุ้น NYSE (New York Stock Exchange) และตลาดหุ้น Nasdaq (Nasdaq Stock Market)
📌 ดัชนีหุ้นสหรัฐฯ ที่สำคัญ
ก่อนที่จะรู้จักดัชนีที่สำคัญ เรามาทวนความรู้เรื่องดัชนีหุ้นกันหน่อย ปกติในตลาดหุ้นจะมีหุ้นอยู่มากมาย และในทุก ๆ วันก็จะมีทั้งหุ้นที่ราคาเพิ่มขึ้นและลดลง
ดัชนีหุ้นเลยจะเป็นเหมือนตัวแทนให้เราเห็นภาพรวมของตลาดหุ้นในวันนั้น ๆ ซึ่งปกติแล้วนักลงทุนมักจะดูดัชนีหุ้นหลายดัชนีควบคู่กันไป เราจึงควรรู้ความหมายของแต่ละดัชนีเอาไว้และเลือกใช้ให้เหมาะสม
กลับมาที่ดัชนีหุ้นสหรัฐฯ จะมีอยู่ 3 ดัชนีที่นักลงทุนนิยม ได้แก่
1. ดัชนีอุตสาหกรรม Dow Jones (Dow Jones Industrial Average)
2. ดัชนี S&P 500 (Standard & Poor's 500 Index)
3. ดัชนี Nasdaq (Nasdaq Composite Index)
ดัชนีหุ้นเลยจะเป็นเหมือนตัวแทนให้เราเห็นภาพรวมของตลาดหุ้นในวันนั้น ๆ ซึ่งปกติแล้วนักลงทุนมักจะดูดัชนีหุ้นหลายดัชนีควบคู่กันไป เราจึงควรรู้ความหมายของแต่ละดัชนีเอาไว้และเลือกใช้ให้เหมาะสม
กลับมาที่ดัชนีหุ้นสหรัฐฯ จะมีอยู่ 3 ดัชนีที่นักลงทุนนิยม ได้แก่
1. ดัชนีอุตสาหกรรม Dow Jones (Dow Jones Industrial Average)
2. ดัชนี S&P 500 (Standard & Poor's 500 Index)
3. ดัชนี Nasdaq (Nasdaq Composite Index)
ดัชนีอุตสาหกรรม Dow Jones (Dow Jones Industrial Average หรือ DJIA)
🔹 หลายคนเรียกสั้น ๆ ว่า ดัชนี Dow Jones เป็นดัชนีที่คำนวณจากหุ้นของบริษัทขนาดใหญ่ 30 บริษัท ที่ซื้อขายอยู่ในตลาดหุ้น NYSE และ Nasdaq
🔹 ดัชนีนี้จะใช้วิธีคำนวณเเบบถ่วงน้ำหนักด้วยราคาหุ้น วิธีคำนวณของ DJIA ก็คือเอาราคาของหุ้นทั้ง 30 ตัวมาบวกกันแล้วหารด้วยค่าคงที่ค่าหนึ่งที่เรียกว่า Dow Divisor วิธีคำนวณแบบนี้บริษัทที่มีหุ้นราคาสูง มีผลต่อดัชนีมากกว่าบริษัทที่มีหุ้นราคาต่ำ
🔹 หุ้นที่อยู่ในดัชนีนี้จะเป็นหุ้นของบริษัทขนาดใหญ่ และเป็นผู้นำในอุตสาหกรรม นักลงทุนจึงนิยมติดตามความเคลื่อนไหวของหุ้นบลูชิพ (Blue Chip Stock) ผ่านดัชนีนี้
🔹 แต่หลายคนมองว่า DJIA สะท้อนภาพรวมของตลาดหุ้นสหรัฐฯ ได้ไม่ดีเท่าดัชนี S&P 500 เพราะ DJIA ได้มาจากการคำนวณหุ้นอยู่แค่ 30 บริษัทต่างจากดัชนี S&P 500 ที่มีจำนวนบริษัทมากกว่า
🔹 ดัชนีนี้จะใช้วิธีคำนวณเเบบถ่วงน้ำหนักด้วยราคาหุ้น วิธีคำนวณของ DJIA ก็คือเอาราคาของหุ้นทั้ง 30 ตัวมาบวกกันแล้วหารด้วยค่าคงที่ค่าหนึ่งที่เรียกว่า Dow Divisor วิธีคำนวณแบบนี้บริษัทที่มีหุ้นราคาสูง มีผลต่อดัชนีมากกว่าบริษัทที่มีหุ้นราคาต่ำ
🔹 หุ้นที่อยู่ในดัชนีนี้จะเป็นหุ้นของบริษัทขนาดใหญ่ และเป็นผู้นำในอุตสาหกรรม นักลงทุนจึงนิยมติดตามความเคลื่อนไหวของหุ้นบลูชิพ (Blue Chip Stock) ผ่านดัชนีนี้
🔹 แต่หลายคนมองว่า DJIA สะท้อนภาพรวมของตลาดหุ้นสหรัฐฯ ได้ไม่ดีเท่าดัชนี S&P 500 เพราะ DJIA ได้มาจากการคำนวณหุ้นอยู่แค่ 30 บริษัทต่างจากดัชนี S&P 500 ที่มีจำนวนบริษัทมากกว่า
ดัชนี S&P 500 (Standard & Poor's 500 Index)
🔹 ดัชนีนี้จะคำนวณจากหุ้นของบริษัทขนาดใหญ่ 500 บริษัท จำนวนทั้งสิ้น 505 ตัว ที่ซื้อขายอยู่ในตลาดหุ้น NYSE และ Nasdaq (ข้อมูลถึงวันที่ 28 ก.พ. 65)
🔹 ดัชนี S&P 500 จะคำนวณด้วยวิธีถ่วงน้ำหนักตามมูลค่าตลาดที่ปรับด้วย Free Float ทำให้หุ้นที่มีมูลค่าตลาดสูงจะมีผลต่อดัชนีมากกว่าหุ้นที่มีมูลค่าตลาดต่ำ นอกจากนี้ในการคำนวณดัชนียังมีการปรับด้วยปริมาณการถือครองหุ้นของผู้ถือหุ้นรายย่อย (Free-Float Adjusted) อีกด้วย
🔹 มูลค่าของบริษัทที่อยู่ในดัชนีนี้คิดเป็น 80% ของมูลค่าตลาดหุ้นสหรัฐฯ ทั้งหมด และนักลงทุนมักใช้ดัชนีนี้เพื่อดูภาพรวมของตลาดหุ้นสหรัฐฯ
🔹 ดัชนี S&P 500 จะคำนวณด้วยวิธีถ่วงน้ำหนักตามมูลค่าตลาดที่ปรับด้วย Free Float ทำให้หุ้นที่มีมูลค่าตลาดสูงจะมีผลต่อดัชนีมากกว่าหุ้นที่มีมูลค่าตลาดต่ำ นอกจากนี้ในการคำนวณดัชนียังมีการปรับด้วยปริมาณการถือครองหุ้นของผู้ถือหุ้นรายย่อย (Free-Float Adjusted) อีกด้วย
🔹 มูลค่าของบริษัทที่อยู่ในดัชนีนี้คิดเป็น 80% ของมูลค่าตลาดหุ้นสหรัฐฯ ทั้งหมด และนักลงทุนมักใช้ดัชนีนี้เพื่อดูภาพรวมของตลาดหุ้นสหรัฐฯ
ดัชนี Nasdaq (Nasdaq Composite Index)
🔹 เป็นดัชนีที่คำนวณจากหุ้นทั้งหมดที่อยู่ในตลาดหุ้น Nasdaq หุ้นที่อยู่ในดัชนีนี้ส่วนใหญ่จะเป็นหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี นักลงทุนส่วนใหญ่เลยนิยมดูความเคลื่อนไหวของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีผ่านดัชนีนี้
🔹 ดัชนี Nasdaq จะใช้วิธีคำนวณเเบบถ่วงน้ำหนักด้วยมูลค่าตลาดของบริษัท ทำให้หุ้นของบริษัทที่มีมูลค่าตลาดสูงจะมีผลกับดัชนี มากกว่าหุ้นของบริษัทที่มีมูลค่าตลาดต่ำกว่า
🔹 “ดัชนี Nasdaq” กับ “ดัชนี Nasdaq-100” จะเหมือนกันตรงที่คำนวณจากหุ้นในตลาดหุ้น Nasdaq แต่จะต่างกันที่ดัชนี Nasdaq จะคำนวณจากหุ้นทั้งหมด ส่วนดัชนี Nasdaq-100 จะคำนวณโดยใช้หุ้นของ 100 บริษัทและไม่มีหุ้นกลุ่มธุรกิจการเงิน
🔹 ดัชนี Nasdaq จะใช้วิธีคำนวณเเบบถ่วงน้ำหนักด้วยมูลค่าตลาดของบริษัท ทำให้หุ้นของบริษัทที่มีมูลค่าตลาดสูงจะมีผลกับดัชนี มากกว่าหุ้นของบริษัทที่มีมูลค่าตลาดต่ำกว่า
🔹 “ดัชนี Nasdaq” กับ “ดัชนี Nasdaq-100” จะเหมือนกันตรงที่คำนวณจากหุ้นในตลาดหุ้น Nasdaq แต่จะต่างกันที่ดัชนี Nasdaq จะคำนวณจากหุ้นทั้งหมด ส่วนดัชนี Nasdaq-100 จะคำนวณโดยใช้หุ้นของ 100 บริษัทและไม่มีหุ้นกลุ่มธุรกิจการเงิน
อ้างอิง
Fact Sheet ของแต่ละดัชนี
Dime! แอปที่จะเปลี่ยนให้การเงินเป็นเรื่องของทุกคน และเราก็อยากให้ทุกคนมาร่วมพัฒนาแอปนี้ไปด้วยกัน
เรารอฟังคำแนะนำจากทุกคนอยู่
ติดต่อเราได้เลยทาง Facebook หรือ LINE
[รู้จักเรา]
Dime! (ไดม์!) แปลว่าเหรียญ 10 เซนต์ (ประมาณ 3 บาท) สื่อถึงความตั้งใจของเราที่จะทำให้การเงินการลงทุน เป็นเรื่องที่คุณเข้าถึงได้ง่ายเหมือนกับเงิน 1 ไดม์