สัตยา นาเดลลา ผู้นำที่ทำให้หุ้น Microsoft เติบโต 11 เท่า
12 มิถุนายน 2568 · อ่าน 3 นาที
🧐 เมื่อนักลงทุนวิเคราะห์หุ้น สิ่งที่มักถูกหยิบขึ้นมาพิจารณาเป็นอันดับแรกคือ “งบการเงิน” รายได้ กำไร อัตรากำไรขั้นต้น ROE ROA และอื่น ๆ ที่บ่งชี้ประสิทธิภาพของธุรกิจในเชิงตัวเลข แต่ในความเป็นจริง ตลาดหุ้นไม่ได้เคลื่อนไหวแค่เพราะตัวเลขในอดีต แต่มันสะท้อน “ความคาดหวังต่ออนาคต” ด้วยเช่นกัน
และหนึ่งในปัจจัยที่กำหนด “ทิศทางอนาคต” ของบริษัทได้อย่างทรงพลังที่สุด คือ ผู้นำขององค์กร หรือ CEO
😎 ผู้นำที่ดี = ทิศทางที่เปลี่ยนได้
CEO ไม่ได้แค่ทำหน้าที่บริหารงานประจำวัน แต่คือ “หัวเรือใหญ่” ที่กำหนดวิสัยทัศน์ กลยุทธ์ และวัฒนธรรมของทั้งองค์กร การตัดสินใจของเขาในวันนี้ อาจกลายเป็นตัวแปรสำคัญที่เปลี่ยนโฉมบริษัทในอีก 3 ปี 5 ปี หรือ 10 ปีข้างหน้า
บางครั้งการมาของ CEO ใหม่ก็สามารถ “ปลุกชีวิต” บริษัทที่เคยซบเซาให้กลับมากลายเป็นบริษัทเติบโตสูง มีกำไรเพิ่มขึ้น และราคาหุ้นทะยานขึ้นได้อย่างน่าอัศจรรย์ เช่นเดียวกับในบางกรณีที่การเปลี่ยนผู้นำอาจสร้างความไม่เชื่อมั่น จนหุ้นเข้าสู่ขาลงในทันที
กรณีศึกษา: สัตยา นาเดลลา ผู้นำที่เปลี่ยนทิศทางหุ้น Microsoft ให้เติบโตกว่า 11 เท่า
ก่อนปี 2557 Microsoft เป็นบริษัทที่แม้จะยังทำกำไรได้ดี แต่ถูกมองว่าเริ่มตกยุค โดยบริษัทมีรายได้หลักมาจาก Windows และ Office ที่เติบโตช้า ในขณะที่คู่แข่งอย่าง Google, Amazon และ Apple ต่างวิ่งไปข้างหน้าด้วยนวัตกรรมใหม่และโมเดลธุรกิจที่หลากหลายกว่า
ทำให้นักวิเคราะห์จำนวนมากเริ่มตั้งคำถามว่า Microsoft จะกลับมาเป็นผู้นำได้อีกหรือไม่?
จุดเปลี่ยน: การมาถึงของสัตยา นาเดลลา
เมื่อคุณสัตยาเข้ารับตำแหน่ง CEO ในปี 2557 เขาไม่ได้เลือกเส้นทาง “ลดต้นทุน เพิ่มกำไร” แบบสูตรสำเร็จ แต่เขาเลือกเปลี่ยนวัฒนธรรมองค์กรจากรากฐาน สร้าง Growth Mindset ที่เปิดรับความล้มเหลว และสนับสนุนการเรียนรู้ตลอดเวลา และเป็นผู้นำที่ผลักดัน Microsoft เข้าสู่โลกของ Cloud Computing อย่างเต็มตัว
Azure และโลกใหม่ของ Microsoft
Microsoft ได้ปรับทัพสู่ตลาด Cloud ด้วยการเร่งพัฒนา Microsoft Azure ซึ่งปัจจุบันกลายเป็นแพลตฟอร์ม Cloud อันดับ 2 ของโลก รองจาก AWS ของ Amazon แต่เป็นเบอร์หนึ่งขององค์กรจำนวนมาก ด้วยความสามารถในการเชื่อมโยงกับ Office, Teams และระบบ ERP ต่าง ๆ
เปิดกว้าง ยืดหยุ่น และกล้าเสี่ยง
คุณสัตยายังเป็น CEO ที่ “เปิดกว้าง” กับการจับมือพันธมิตร และไม่ยึดติดกับแพลตฟอร์มตัวเองเพียงอย่างเดียว ทั้งการซื้อกิจการใหญ่ระดับโลก เช่น LinkedIn, GitHub ไปจนถึง Activision Blizzar
และล่าสุดคือการร่วมมือกับ OpenAI จนเกิดเป็นการปฏิวัติวงการ Productivity Tools ผ่าน Copilot ที่ฝัง AI เข้าไปใน Microsoft 365
หุ้น Microsoft พุ่งเพราะ CEO ?
ในปี 2557 หุ้น Microsoft มีราคาอยู่ที่ราวหุ้นละ 35 - 40 ดอลลาร์สหรัฐ
ในปี 2568 หุ้น Microsoft ทำราคาสูงสุดมาอยู่ที่ 472.75 ดอลลาร์สหรัฐ ไปเมื่อวันที่ 9 มิถุนายน เพิ่มขึ้นมากว่า 11 เท่า ภายในเวลา 11 ปี
มูลค่าบริษัทจากราว 3 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งก็นับว่าใหญ่มากแล้วเมื่อ 11 ปีที่แล้ว
ก็เติบโตพุ่งสู่ 3 ล้านล้านดอลลาร์ และก้าวขึ้นมาเป็นบริษัทที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลก
กรณีศึกษาของ Microsoft และคุณสัตยา นาเดลลา บอกให้เรารู้ว่า..
หุ้นที่ดี อาจไม่ได้เกิดจากแค่สิ่งที่บริษัทขายได้ในวันนี้
แต่เกิดจากความสามารถของผู้นำ ที่จะพาบริษัทไปไกลแค่ไหนในวันพรุ่งนี้
ในฐานะนักลงทุน การประเมิน “คุณภาพของผู้นำ” อาจไม่ใช่แค่การดูโปรไฟล์หรือชื่อเสียง
แต่คือการมองให้ออกว่า CEO คนนั้นมี วิสัยทัศน์ที่กล้าพอ ปรับตัวไวพอ และสื่อสารให้ทีมเดินไปทางเดียวกันได้หรือไม่
หากตอบว่า “ใช่” นั่นอาจเป็นสัญญาณที่ราคาหุ้นกำลังจะบอกว่า นี่คือ บริษัทแห่งอนาคต..
ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
ผลการดำเนินงานในอดีต/ ผลการเปรียบเทียบ ผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต
ข้อมูลนี้จัดทำขึ้นโดยอาศัยแหล่งข้อมูลสาธารณะ ซึ่งพิจารณาแล้วว่ามีความน่าเชื่อถือซึ่งปรากฏขณะจัดทำ ซึ่งอาจเปลี่ยนแปลงได้ในแต่ละขณะเวลา บริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงความเห็นหรือประมาณการต่าง ๆ ที่ปรากฏโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า
ราคาหุ้น Microsoft ณ วันที่ 9 มิถุนายน 2568
ที่มา : simplywall.st
Dime! ครบเครื่องเรื่องการเงิน แอปพลิเคชันที่ทุกคนสามารถเข้าถึงการลงทุนได้อย่างเท่าเทียม
เรารอฟังคำแนะนำจากทุกคนอยู่ ติดต่อเราได้เลยทางแอป Dime! หรือช่องทางโซเชียล Facebook และ LINE
[รู้จักเรา]
Dime! (ไดม์!) แปลว่าเหรียญ 10 เซนต์ (ประมาณ 3 บาท) สื่อถึงความตั้งใจของเราที่จะทำให้การเงินการลงทุน เป็นเรื่องที่คุณเข้าถึงได้ง่ายเหมือนกับเงิน 1 ไดม์