หุ้นนี้..มีกลิ่นแปลก ๆ ? ชวนสแกนหุ้น Red Flags หาจุดเอะใจก่อนลงทุน
16 เมษายน 2568 · อ่าน 3 นาที
หุ้นการเงินธุรกิจ
เพื่อน ๆ เคยไหมครับ ? เวลาเราเจอหุ้นที่ดูดี กราฟสวย P/E ต่ำ ปันผลงาม แถมมีเรื่องราวธุรกิจที่น่าสนใจ ชวนให้อยากลงทุนสะสมเข้าพอร์ต แต่บางทีโลกการลงทุนก็เหมือนความสัมพันธ์ครับ สิ่งที่เห็นภายนอก อาจซ่อนสัญญาณอันตรายหรือ Red Flags บางอย่างไว้ ถ้าเราไม่สังเกตให้ดี อาจต้องเสียใจ (และเสียเงิน) ทีหลังได้
วันนี้แอดเลยจะพามาสวมบทบาทนักสืบการเงินกันครับ มาเรียนรู้วิธีสแกนหา Red Flags ที่ซ่อนอยู่ในบริษัทที่เราสนใจ เพื่อการลงทุนที่มั่นใจและยั่งยืนยิ่งขึ้น ไม่ว่าคุณจะเป็นนักลงทุนมือใหม่ หรือมีประสบการณ์มาบ้างแล้ว การรู้จักสัญญาณเหล่านี้จะช่วยให้คุณตัดสินใจได้ดีขึ้นแน่นอน และในบทความนี้แอดได้แนบตัวอย่างข่าวที่เกี่ยวข้องของบริษัททั้งที่อยู่ตลาดหลักทรัพย์และนอกตลาดมาให้เพื่อน ๆ ได้ศึกษาเพิ่มเติมด้วยครับ
🚨เริ่มแกะรอยจาก “งบดุล” (Balance Sheet) ตรวจสุขภาพการเงิน
งบดุลเปรียบเสมือนภาพถ่ายสุขภาพของบริษัท ณ ขณะใดขณะหนึ่ง บอกเราว่าบริษัทมีทรัพย์สิน (Assets) หนี้สิน (Liabilities) และส่วนของเจ้าของ (Equity) เท่าไหร่ และในภาพนี้ มีอะไรที่เราต้องมองลึกลงไปบ้างล่ะ ?
🟠1. ค่าความนิยมสูงเกินไป (Goodwill)
Goodwill หรือค่าความนิยมเป็นส่วนต่างของมูลค่ากิจการตามบัญชี กับมูลค่าที่ซื้อขายกันจริง ใช้ดูว่าบริษัทนั้นซื้อของหรือกิจการอื่นแพงเกินจริงไหม ? เพราะ Goodwill จะเกิดเมื่อบริษัทซื้อกิจการอื่นในราคาสูงกว่ามูลค่าสินทรัพย์สุทธิ ถ้าสูงมาก อาจแปลว่าบริษัทจ่ายแพงไป และมีความเสี่ยงที่อนาคตอาจต้องด้อยค่าสินทรัพย์นี้ ซึ่งจะกระทบกำไรโดยตรง
🌎 ตัวอย่าง
AOL และ Time Warner หลังการควบรวมกิจการในปี 2000 ไม่นาน AOL Time Warner ต้องบันทึกการด้อยค่า Goodwill ครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์กว่า 5 หมื่นล้านดอลลาร์ในปี 2002 สะท้อนว่าราคาที่จ่ายซื้อ Time Warner นั้นสูงเกินจริงอย่างมหาศาล
ข่าว AOL Time Warner เผชิญภาวะขาดทุนครั้งใหญ่สุดในประวัติศาสตร์จากการด้อยค่า “Goodwill” มูลค่า 54 พันล้านดอลลาร์
อ้างอิง: https://time.com/archive/6907596/what-aol-time-warners-54-billion-loss-means/
🟠2. ระยะเวลาเก็บหนี้เพิ่มขึ้น
แม้จะขายของได้ แต่เก็บเงินลูกค้าได้ช้าลงหรือเปล่า ? นี่อาจเป็นสัญญาณว่าลูกค้าเริ่มมีปัญหา หรือบริษัทอาจต้องผ่อนปรนเงื่อนไขเพื่อให้ขายของได้ ซึ่งกระทบสภาพคล่อง
🌎 ตัวอย่าง
บริษัท Sunbeam ในช่วงปลายทศวรรษ 1990s ภายใต้การบริหารของ Al Dunlap มีการใช้เทคนิค “bill and hold” คือบันทึกรายได้จากการขาย ทั้งที่สินค้ายังไม่ได้ส่งมอบจริง และลูกหนี้การค้า (Receivables) ก็เพิ่มสูงขึ้นผิดปกติ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการตกแต่งบัญชีครั้งใหญ่
ข่าวการทุจริตทางบัญชีนำสู่การล่มสลายของ Sunbeam Corporation
อ้างอิง: https://pressbooks.pub/professionalethicsforaccountants/chapter/chapter-8/
🟠3. สินค้าคงคลังเพิ่มเร็วกว่ากำไร
บริษัทผลิตสินค้าได้เยอะ แต่ขายทันหรือเปล่า ? สต็อกบวมอาจหมายถึงสินค้าขายไม่ออก ล้าสมัย หรือบริษัทคาดการณ์ความต้องการผิดพลาด เสี่ยงต่อการต้องลดราคาขาย หรือด้อยค่าสินค้าคงคลัง
🌎 ตัวอย่าง
Valeant Pharmaceuticals (ปัจจุบันคือ Bausch Health) เคยถูกตั้งคำถามอย่างหนักเกี่ยวกับการจัดการสินค้าคงคลังในเครือข่ายร้านขายยาเฉพาะทาง (Specialty Pharmacies) อย่าง Philidor ซึ่งมีความซับซ้อนและตัวเลขสินค้าคงคลังดูสูงผิดปกติในช่วงหนึ่ง ก่อนที่บริษัทจะประสบปัญหาใหญ่
ข่าวอวสานเภสัชภัณฑ์ Valeant จากบริษัทมูลค่าสูงสุด สู่มรสุมทุจริตและการล่มสลาย
อ้างอิง: https://www.cbc.ca/news/business/valeant-pharmaceuticals-pershing-1.4023893
🟠4. หนี้สินเยอะเกินไป
บริษัทกู้เงินมาลงทุน หรือกู้มาโปะหนี้เก่ากันแน่ ? หนี้ที่สูงเกินไปทำให้บริษัทมีความเสี่ยงทางการเงินสูง โดยเฉพาะช่วงดอกเบี้ยขาขึ้น หรือเศรษฐกิจไม่ดี
🌎 ตัวอย่าง
Lehman Brothers ก่อนวิกฤตการเงินปี 2008 มีการก่อหนี้ในระดับที่สูงมาก เพื่อลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง เช่น อสังหาริมทรัพย์และตราสารอนุพันธ์ เมื่อตลาดทรุด หนี้สินมหาศาลนี้ก็เป็นปัจจัยสำคัญที่นำไปสู่การล้มละลาย
ข่าว Lehman Brothers ปิดฉาก หนี้เสียทำพิษ กระทบตลาดการเงินทั่วโลก
อ้างอิง: https://www.theguardian.com/business/2008/sep/15/lehmanbrothers.creditcrunch
🟠5. เงินให้กู้ยืมแก่บุคคล/กิจการที่เกี่ยวข้องกันเพิ่มขึ้น
เงินไหลไปไหน ? การให้กู้ยืมแก่คนในหรือบริษัทในเครือ อาจมีนัยยะถึงการเอื้อประโยชน์ส่วนตน หรือซ่อนปัญหาทางการเงิน
🌎 ตัวอย่าง
Enron มีการใช้ Special Purpose Entities (SPEs) หรือบริษัทที่จัดตั้งขึ้นเฉพาะกิจจำนวนมาก ซึ่งมักบริหารโดยผู้บริหารระดับสูงของ Enron เอง และมีการทำธุรกรรมที่ซับซ้อนระหว่าง Enron กับ SPEs เหล่านี้ รวมถึงการกู้ยืมและค้ำประกัน ซึ่งเป็นการซุกซ่อนหนี้สินและสร้างผลกำไรปลอม (อ้างอิง: รายงานการสอบสวนและบทวิเคราะห์กรณี Enron)
ข่าว Enron บริษัทพลังงานยักษ์ใหญ่ล่มสลายปี 2001 หลังโกงบัญชี ปกปิดหนี้ด้วยกลไกพิเศษ ผู้บริหารถูกดำเนินคดี นักลงทุนสูญเสียมหาศาล
อ้างอิง: https://www.investopedia.com/updates/enron-scandal-summary/
🟠6. เงินสดในบัญชีกระแสรายวันมากเกินไป
มีเงินสดเยอะ แต่ไม่เอาไปทำอะไร ? อาจหมายถึงผู้บริหารขาดวิสัยทัศน์ หรือหาโอกาสต่อยอดธุรกิจไม่ได้ ทำให้ผลตอบแทนของผู้ถือหุ้นไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย
=====
⚠️ล้วงลึกจาก “งบกำไรขาดทุน” (Income Statement) เรื่องราวผลงานในอดีต
ถ้างบดุลคือภาพถ่าย งบกำไรขาดทุนก็เหมือนวิดีโอที่บันทึกผลการดำเนินงานในช่วงเวลาหนึ่ง บอกว่าบริษัทมีรายได้ ค่าใช้จ่าย และกำไรเท่าไหร่ แต่เบื้องหลังตัวเลขสวย ๆ อาจมีอะไรซ่อนอยู่ ?
🟡1. รายได้โตช้ากว่ากำไรนาน ๆ
บริษัทมีกำไรโตเพราะลดค่าใช้จ่าย หรือมีกำไรพิเศษ ? เพราะหากรายได้หลักไม่โต กำไรระยะยาวอาจไม่ยั่งยืน
บริษัทหลายแห่งอาจเข้าข่ายนี้ในช่วงสั้น ๆ จากการลดต้นทุน โดยในอดีตมีหลายบริษัทที่ในบางช่วงเวลาก็ถูกวิจารณ์ว่าการเติบโตของกำไรต่อหุ้น (EPS) มาจากการซื้อหุ้นคืน (Buybacks) มากกว่าการเติบโตของรายได้จริง
🟡2. การบันทึกค่าใช้จ่าย R&D และดอกเบี้ยเป็นสินทรัพย์
บริษัทแต่งบัญชีให้ดูดีรึเปล่า ? เพราะการเลื่อนรับรู้ค่าใช้จ่ายออกไป ทำให้กำไรในปัจจุบันดูสูงกว่าความเป็นจริง
🌎 ตัวอย่าง
WorldCom คือตัวอย่างสุดคลาสสิกของกรณีนี้ บริษัทบันทึกค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน (Operating Expenses) ซึ่งส่วนใหญ่เป็นค่าเช่าเครือข่าย ไปเป็นค่าใช้จ่ายลงทุน (Capital Expenditures) ทำให้งบกำไรขาดทุนดูดีเกินจริงไปหลายพันล้านดอลลาร์ นำไปสู่การล้มละลายครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่ง
ข่าวมหากาพย์ล่มสลาย WorldCom กลโกงบัญชีสะท้านโลก สู่การล้มละลายครั้งประวัติศาสตร์
อ้างอิง: https://www.investopedia.com/terms/w/worldcom.asp
🟡3. มีรายการพิเศษขนาดใหญ่บ่อย ๆ
รายการพิเศษ..แต่มาบ่อยจัง ? นี่อาจเป็นสัญญาณว่าธุรกิจหลักมีปัญหา หรือผู้บริหารกำลังใช้รายการพิเศษกลบเกลื่อนผลงานที่ไม่ดี
🌎 ตัวอย่าง
General Electric (GE) ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา มีการบันทึกรายการปรับโครงสร้าง และค่าใช้จ่ายพิเศษอื่น ๆ จำนวนมากและค่อนข้างบ่อยครั้ง ทำให้นักวิเคราะห์และนักลงทุนตั้งคำถามถึงความยั่งยืนของกำไรปกติ และความซับซ้อนของโครงสร้างธุรกิจ
ข่าว ก.ล.ต. สหรัฐฯ ฟ้อง GE ข้อหาฉ้อโกงบัญชี กล่าวหาตกแต่งตัวเลข เพิ่มรายได้/กำไรเทียม เลี่ยงผลลบทางการเงิน ยอมจ่ายค่าปรับ 50 ล้านดอลลาร์ ยุติการสอบสวน
อ้างอิง: https://www.sec.gov/news/press/2009/2009-178.htm
🟡4. ภาษีจ่ายลดลงผิดปกติ
การที่ภาษีลดลงมาก อาจเกิดจากสิทธิประโยชน์ทางภาษีชั่วคราว หรือการใช้เทคนิคทางบัญชี ไม่ใช่ผลจากการดำเนินงานที่ดีขึ้นจริง
🌎 ตัวอย่าง
บริษัทเทคโนโลยีข้ามชาติหลายแห่ง เช่น Apple หรือ Google (Alphabet) มักถูกจับตาเรื่องโครงสร้างภาษีที่ซับซ้อน และการใช้ประโยชน์จากอัตราภาษีที่ต่ำในบางประเทศ (เช่น ไอร์แลนด์) ซึ่งอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้หากกฎหมายภาษีระหว่างประเทศเปลี่ยนไป ทำให้อัตราภาษีที่จ่ายจริงในปัจจุบันอาจไม่ยั่งยืนในระยะยาว
ข่าวศาลยุโรปสั่ง Apple ชำระภาษีย้อนหลังไอร์แลนด์กว่าหมื่นล้านดอลลาร์ สิ้นสุดการได้เปรียบทางภาษีพิเศษ
อ้างอิง: https://www.marketplace.org/story/2024/09/13/why-apple-owes-ireland-14-billion-in-taxes
🟡5. กำไรสุทธิต่ำกว่ากระแสเงินสดจากการดำเนินงาน
กำไรในกระดาษ แต่เงินสดจริงอยู่ไหน ? กำไรทางบัญชีอาจไม่ใช่เงินสดจริง ๆ การที่กำไรต่ำกว่ากระแสเงินสดที่ได้จากธุรกิจหลัก อาจมีคำถามถึงคุณภาพของกำไรนั้น (กรณีนี้มักไม่ค่อยเป็น Red Flag ร้ายแรงเท่ากรณีตรงข้าม คือ กำไรสูงแต่เงินสดติดลบ)
🟡6. แต่งรายได้ให้สูงด้วยรายการที่เกิดขึ้นครั้งเดียว
รายได้โตจริง หรือแค่ครั้งนี้ ? การนำรายได้พิเศษ เช่น การขายสินทรัพย์ เข้ามารวม ทำให้ดูเหมือนรายได้หลักเติบโต อาจหลอกตาได้
🌎 ตัวอย่าง
Waste Management ในทศวรรษ 1990s มีการตกแต่งบัญชีหลายรูปแบบ รวมถึงการบันทึกรายได้จากการขายสินทรัพย์เป็นรายได้จากการดำเนินงาน เพื่อทำให้ผลประกอบการดูดีเกินจริง
ข่าวอดีต CFO Waste Management โดนศาลสั่งจ่ายกว่า 4 ล้านดอลลาร์ คดีทุจริตบัญชีครั้งใหญ่ยุค 90 ปิดฉาก พร้อมถูกห้ามดำรงตำแหน่งในบริษัทมหาชนตลอดชีพ
อ้างอิง: https://www.cfo.com/news/waste-management-case-finally-ends/673207/
=====
🔥ส่องพฤติกรรมอื่น ๆ ดูสัญญาณจากผู้บริหารและองค์กร
นอกเหนือจากตัวเลขในงบการเงิน พฤติกรรมของบริษัทและผู้บริหารก็เป็น Red Flags สำคัญได้เช่นกัน
⚠️1. เปลี่ยนผู้สอบบัญชีปัจจุบันทันด่วน
หรือมีอะไรปิดบัง ? การเปลี่ยนผู้สอบบัญชี โดยเฉพาะเปลี่ยนไปใช้บริษัทที่เล็กกว่า อาจเป็นสัญญาณว่ามีความขัดแย้ง หรือต้องการปกปิดข้อมูล
🌎 ตัวอย่าง
กรณี Enron อีกครั้ง ก่อนการล่มสลาย มีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดและปัญหาเรื่องความเป็นอิสระกับผู้สอบบัญชีอย่าง Arthur Andersen ซึ่งสุดท้ายก็นำไปสู่การล่มสลายของบริษัทสอบบัญชีเอง การเปลี่ยนผู้สอบบัญชีกะทันหัน โดยเฉพาะเมื่อมีความเห็นไม่ตรงกันเรื่องบัญชี ถือเป็นสัญญาณอันตรายเสมอ
ข่าว Arthur Andersen บริษัทบัญชี Big Five ล่มสลายหลังถูกตัดสินว่าทำลายเอกสารคดี Enron (2002) แม้ศาลฎีกาฯ กลับคำตัดสิน (2005) แต่บริษัทก็เสียหายหนักจากปัญหาทุจริตลูกค้าและการเน้นทำกำไรจากธุรกิจที่ปรึกษามากเกินไป
อ้างอิง: https://www.britannica.com/money/Arthur-Andersen
⚠️2. ผู้สอบบัญชีให้ความเห็นแบบมีเงื่อนไข/ไม่แสดงความเห็น
สัญญาณเตือนภัยร้ายแรง นี่แปลว่าผู้สอบบัญชีไม่เชื่อมั่นในงบการเงิน หรือถูกจำกัดการตรวจสอบ โดยบริษัทที่ใกล้ล้มละลาย หรือมีปัญหาทุจริตภายในอย่างรุนแรง มักจะได้รับความเห็นแบบนี้จากผู้สอบบัญชีก่อนที่ปัญหาจะถูกเปิดเผยต่อสาธารณะ
⚠️3. ผู้บริหารระดับสูงลาออกกะทันหัน
การเปลี่ยนแปลงผู้บริหารบ่อย ๆ หรือการลาออกของผู้บริหารคนสำคัญ อาจสะท้อนปัญหาภายในองค์กรได้
🌎 ตัวอย่าง
บริษัท Wells Fargo หลังเรื่องอื้อฉาวเกี่ยวกับการเปิดบัญชีลูกค้าโดยไม่ได้รับอนุญาตในปี 2016 มีผู้บริหารระดับสูงหลายคนลาออก รวมถึง CEO ในขณะนั้น (John Stumpf) ซึ่งสะท้อนถึงปัญหาด้านวัฒนธรรมองค์กรและการกำกับดูแล
ข่าวซีอีโอ Wells Fargo ลาออกทันที หลังเผชิญเรื่องอื้อฉาวพนักงานแอบเปิดบัญชีลูกค้าโดยไม่ได้รับอนุญาตนับล้านบัญชี เพื่อให้ได้ตามยอดตามเป้า
อ้างอิง: https://www.dw.com/en/wells-fargo-ceo-quits-after-sham-accounts-scandal/a-36028388
⚠️4. ลดการเปิดเผยข้อมูล
บริษัทมีอะไรที่ไม่อยากให้รู้ ? บริษัทที่ดีควรโปร่งใส การลดรายละเอียดในหมายเหตุประกอบงบการเงิน หรือรายงานต่างๆ เป็นเรื่องน่าสงสัย
⚠️5. คณะกรรมการบริษัทขาดความเชี่ยวชาญ
หากกรรมการไม่มีความรู้ความสามารถที่หลากหลาย หรือไม่มีความเป็นอิสระ อาจทำให้การกำกับดูแลไม่มีประสิทธิภาพได้
⚠️6. ผู้บริหารได้รับค่าตอบแทนสูงเกินไป
ทำเพื่อตัวเอง หรือผู้ถือหุ้น ? ค่าตอบแทนที่สูงลิ่วโดยไม่สอดคล้องกับผลงาน อาจสะท้อนว่าผู้บริหารเน้นประโยชน์ส่วนตน
🌎 ตัวอย่าง
Tyco International ในช่วงต้นทศวรรษ 2000s CEO อย่าง Dennis Kozlowski ถูกดำเนินคดีข้อหายักยอกเงินบริษัทหลายร้อยล้านดอลลาร์ ส่วนหนึ่งเกี่ยวข้องกับการอนุมัติโบนัสและค่าตอบแทนให้ตัวเองอย่างมหาศาล รวมถึงการใช้เงินบริษัทเพื่อซื้อของฟุ่มเฟือยส่วนตัว
ข่าวซีอีโอ Tyco และลูกน้อง โดนศาลตัดสินผิดจริง ข้อหาฉ้อโกงบริษัทกว่า 600 ล้านดอลลาร์ ใช้จ่ายฟุ่มเฟือย ทั้งงานเลี้ยงหรู งานศิลปะ และอพาร์ตเมนต์สุดอลังการ
อ้างอิง: https://www.nbcnews.com/id/wbna8258729
⚠️7. ผู้บริหารชอบคุยโวโอ้อวด
ผู้บริหารที่เน้นแต่การตลาด พูดเกินจริง อาจกำลังพยายามเบี่ยงเบนความสนใจจากปัญหาที่แท้จริง
🌎 ตัวอย่าง
Theranos และ CEO อย่าง Elizabeth Holmes เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของการโปรโมทเกินจริงเกี่ยวกับเทคโนโลยีตรวจเลือดของบริษัท ซึ่งสุดท้ายถูกเปิดโปงว่าไม่สามารถใช้งานได้จริงตามที่กล่าวอ้าง นำไปสู่การล่มสลายของบริษัทและการดำเนินคดี
ข่าวอวสานสตาร์ทอัพลวงโลก ศาลสั่งจำคุก “อลิซาเบธ โฮล์มส์” คดี Theranos
อ้างอิง: https://www.panmacmillan.com/blogs/literary/theranos-elizabeth-holmes-john-carreyrou
======
การมองหา Red Flags เหล่านี้ ไม่ได้หมายความว่าหุ้นตัวนั้นไม่ดีเสมอไปนะครับ บางสัญญาณอาจมีเหตุผลที่ยอมรับได้ แต่การพบเจอสัญญาณเหล่านี้ คือ “สัญญาณเตือน” ให้เราต้องทำการบ้านหนักขึ้น ต้องสืบค้นข้อมูลเพิ่มเติม ตั้งคำถาม และทำความเข้าใจให้ถ่องแท้ ก่อนตัดสินใจลงทุน เหมือนคำคมที่ว่า “สิ่งที่เคยเป็นมาแล้ว ก็จะเป็นอีก สิ่งที่เคยทำมาแล้ว ก็จะทำกันอีก ไม่มีอะไรใหม่ภายใต้ดวงอาทิตย์” รูปแบบเหล่านี้มักเกิดขึ้นซ้ำ ๆ ในโลกธุรกิจ การเรียนรู้ที่จะจับสัญญาณจึงเป็นทักษะสำคัญของนักลงทุนที่ชาญฉลาดครับ
เพราะการลงทุนไม่ใช่แค่การซื้อหุ้น แต่คือการซื้อธุรกิจ การวิเคราะห์งบการเงิน วิเคราะห์ธุรกิจ คอยสอดส่อง Red Flags จะช่วยให้คุณหลีกเลี่ยงหายนะ และเข้าใกล้ความสำเร็จในการลงทุนระยะยาวได้มากขึ้นครับ
ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน