Pattern Day Trader กฎที่ช่วยให้นักลงทุนรายย่อยค่อย ๆ เก่งขึ้น
27 กันยายน 2565 · อ่าน 4 นาที
Pattern Day Trader กฎที่ช่วยให้นักลงทุนรายย่อยค่อย ๆ เก่งขึ้น
กฎนี้คืออะไร แล้วห้ามเราเพื่ออะไร ไปหาคำตอบกันได้เลยครับ
ในอดีตการเทรดหุ้นรายวันในสหรัฐฯ สามารถทำได้โดยไม่มีข้อจำกัด ซึ่งก็ส่งผลดีกับตลาดหุ้นสหรัฐฯ ในแง่ที่ช่วยเพิ่มปริมาณซื้อขาย เพิ่มสภาพคล่อง ทำให้ตลาดหุ้นมีความน่าสนใจเพิ่มขึ้น
แต่ข้อเสียของการเทรดหุ้นในลักษณะนี้คือ เนื่องจากนักลงทุน Day Trade ไม่ได้มีแค่หลักสิบหลักร้อย แต่มีจำนวนมากกว่านั้นมาก ซึ่งนักลงทุนส่วนใหญ่ในขณะนั้นไม่ได้มีเงินทุนมากพอที่จะเทรดรายวัน พวกเขาจึงใช้วิธีเทรดด้วยบัญชีมาร์จิ้นเพื่อช่วยให้เขามีอำนาจซื้อหุ้นได้เพิ่มขึ้น
------------------------------------
***บัญชีมาร์จิ้น (Margin) หรือบัญชี Credit Balance คือ บัญชีหลักทรัพย์ที่ให้นักลงทุนใช้เงินลงทุนของตัวเองส่วนหนึ่งและกู้ยืมเงินจากบริษัทหลักทรัพย์อีกส่วนหนึ่งเพื่อมาซื้อขายหุ้น
ส่วนบัญชีของท่านที่เปิดกับแอป Dime! คือ บัญชีแคชบาลานซ์ (Cash Balance) เป็นบัญชีที่นักลงทุนต้องฝากเงินไว้กับบริษัทหลักทรัพย์ก่อนจึงจะซื้อขายหุ้นได้ และซื้อขายได้เท่าจำนวนเงินที่ฝากมาเท่านั้น
------------------------------------
ต่อมาความเสียหายก็เริ่มปรากฏเยอะขึ้น เมื่อตลาดหุ้นไม่ได้เป็นไปในทิศทางที่นักลงทุน Day Trade คาดหวัง การที่พวกเขาส่งคำสั่งซื้อ ๆ ขาย ๆ หุ้น โดยใช้บัญชีมาร์จิ้น มันเหมือนการยืมเงินคนอื่นไปเก็งกำไร พอได้กำไรก็ค่อยไปคืนเงินที่กู้มา แต่ในทางตรงกันข้ามต่อให้ไม่ได้กำไร ก็ต้องคืนเงินที่ยืมมาอยู่ดี ดังนั้น เมื่อตลาดหุ้นตก นักลงทุนขาดทุน เลยเกิดวิกฤติปัญหาหนี้สินครั้งใหญ่
นอกจากนี้ บริษัทหลักทรัพย์หลายแห่งยังพบว่ามีปัญหาที่ซ่อนอยู่อีก คือ นักลงทุนบางรายจริง ๆ แล้ว ไม่ใช่นักลงทุนสไตล์ Day Trade เลย เพียงแต่เขาส่งคำสั่งผิด ทำให้เกิดการทำรายการซื้อขายหุ้นตัวเดียวกันซ้ำ เลยกลายเป็นเหตุให้หน่วยงานรัฐต้องเข้ามากำกับดูแล
หน่วยงานนั้นมีชื่อว่า Financial Industry Regulatory Authority (FINRA) มีหน้าที่กำกับดูแลอุตสาหกรรมการเงินของสหรัฐฯ จึงได้ออกกฎระเบียบขึ้นมา เพื่อคุ้มครองและป้องกันไม่ให้เหตุการณ์ดังกล่าวกลับมาเกิดซ้ำอีกในอนาคต ซึ่งหากนักลงทุนซื้อขายผิดเงื่อนไขที่ FINRA กำหนด บัญชีของนักลงทุนจะถูกจัดเป็นบัญชีเก็งกำไรรายวัน หรือ Pattern Day Trader หรือเรียกสั้น ๆ ว่า PDT ครับ โดยกฎดังกล่าวถูกนำมาใช้กับบัญชีลงทุน “ทุกประเภท” ด้วยนะ
โดยบัญชีลงทุนที่เข้าเงื่อนไข 3 ข้อต่อไปนี้ จะถือว่าเป็นบัญชี PDT
- มีมูลค่าสินทรัพย์รวม (ทั้งเงินสดและหลักทรัพย์) น้อยกว่า 25,000 ดอลลาร์
- ซื้อขายหุ้นตัวเดียวกันในวันเดียวกันจำนวน 4 คู่หรือมากกว่า ภายใน 5 วันทำการที่ผ่านมา
- จำนวนเงินของรายการซื้อขายรายวัน คิดเป็นมากกว่า 6% ของรายการซื้อขายทั้งหมด ใน 5 วันที่การที่ผ่านมา
ลองสำรวจตัวเองนะครับ ว่าพฤติกรรมการซื้อขายของเราเข้าข่ายจะเป็นบัญชี PDT มั้ย แต่หากใครยังไม่แน่ใจในเงื่อนไขการนับวันซื้อขายยังไงถึงนับเป็น 1 ครั้ง ไปดูตัวอย่างให้ลึกลงไปกันต่อเลยครับ
กฎ PDT จะเริ่มติดตามเรา เมื่อเราซื้อและขายหุ้น “ตัวเดียวกัน” และ “ภายในวัน” จะถูกนับเป็น 1 คู่ และจากรูปคือตัวอย่างเหตุการณ์ที่อาจพบได้บ่อย ๆ ในการเทรดเพื่อให้พวกเราเข้าใจตรงกันในการนับรอบการซื้อขายครับ แต่ถ้าซื้อวันนี้ ขายพรุ่งนี้ ไม่เข้าเงื่อนไข PDT นะ
การนับวันก็สำคัญเช่นกัน เราสามารถซื้อขายหุ้นตัวเดียวกันในวันเดียวกัน ได้ 3 คู่เท่านั้น ภายใน 5 วันทำการติดต่อกัน ฉะนั้น อย่าลืมวางแผนการซื้อขาย และวันที่จะซื้อขายอย่างระมัดระวังด้วยนะครับ
ยกตัวอย่าง สมมุติว่าในบัญชีของคุณมีเงินลงทุน 1,000 ดอลลาร์ ต่อมาได้ทำการซื้อขายหุ้นตัวเดียวกันในวันเดียวกันไปถึง 3 คู่ใน 5 วันทำการล่าสุด โดยจำนวนเงินที่ทำรายการ 3 คู่นั้น รวมกันแล้วสูงกว่า 6% เมื่อเทียบกับรายการซื้อขายทั้งหมดในช่วงเวลาเดียวกัน
จากเหตุการณ์ข้างต้น จะเห็นว่าพฤติกรรมการซื้อขายของคุณได้เข้าเงื่อนไขเป็นบัญชีเก็งกำไรรายวัน หรือ PDT ไป 2 จาก 3 ข้อแล้ว นั่นคือ สินทรัพย์รวมน้อยกว่า 25,000 ดอลลาร์ และจำนวนเงินของรายการซื้อขายรายวันมากกว่า 6% ของรายการซื้อขายทั้งหมดใน 5 วันทำการที่ผ่านมา
ดังนั้น เพื่อไม่ให้บัญชีลงทุนของคุณถูกจัดเป็นบัญชีเก็งกำไรรายวัน แอปพลิเคชัน Dime! จะ "ล็อก" ไม่ให้คุณทำรายการซื้อขายหุ้นตัวเดียวกันในวันเดียวกันคู่ที่ 4 ได้อีก เพื่อป้องกันไม่ให้บัญชีคุณเข้าเงื่อนไข PDT ครบทั้ง 3 ข้อนั่นเอง
โดยมาตรการป้องกันดังกล่าวของแอปพลิเคชัน Dime! มีเพื่ออำนวยความสะดวก และป้องกันไม่ให้บัญชีลงทุนของเพื่อน ๆ ถูกล็อกการซื้อขายโดยตลาดหลักทรัพย์สหรัฐอเมริกานั่นเอง เพราะถ้าถูกจัดเป็นบัญชี PDT เมื่อไร ตลาดหลักทรัพย์สหรัฐอเมริกาจะล็อกบัญชีลงทุนของเพื่อน ๆ นานถึง 90 วันเลย
สรุป
สิ่งที่หลายคนกังวลมากที่สุดกับการถูกจัดเป็นบัญชีเก็งกำไรรายวัน หรือ PDT คือ การนับจำนวนคู่ในการซื้อขายเพราะมีโอกาสที่นักลงทุนจะนับผิดพลาดได้ Dime! จึงมีระบบที่ช่วยติดตามธุรกรรมที่อาจเข้าข่ายเป็นบัญชี PDT โดยหากพบว่านักลงทุนมีการซื้อขายหุ้นตัวเดียวกันในวันเดียวกันครบ 3 คู่ และกำลังจะซื้อขายหุ้นคู่ที่ 4 แอปจะแสดงข้อความเตือนว่าบัญชีท่านมีความเสี่ยงที่จะถูกจัดเป็นบัญชีเก็งกำไรรายวัน หรือ Pattern Day Trader และไม่สามารถซื้อขายหุ้นคู่ที่ 4 นั้นได้
ท่านเพียงหยุดทำรายการหรือเว้นระยะเวลาในการซื้อขายให้พ้นช่วงที่มีความเสี่ยงนั้นไป ก็จะไม่เข้าเงื่อนไขของ FINRA ครับ
แต่ยังมีอีกกรณีที่ระบบของแอปพลิเคชัน Dime! จะไม่สามารถป้องกันให้ได้ คือ กรณีสินทรัพย์รวมของคุณเคยมากกว่า 25,000 ดอลลาร์และลดลงในภายหลัง กล่าวคือ สมมุติว่าถ้าบัญชีของคุณมีสินทรัพย์รวมมากกว่า 25,000 ดอลลาร์ตั้งแต่แรก คุณจะสามารถซื้อขายหุ้นตัวเดียวกันในวันเดียวกันได้มากกว่า 3 คู่โดยไม่ติดกฎ PDT เลย แต่ถ้าต่อมาเงินในบัญชีของคุณเกิดลดลงต่ำกว่า 25,000 ดอลลาร์เมื่อไร ระบบของตลาดหลักทรัพย์สหรัฐอเมริกาก็จะตรวจพบว่าบัญชีของคุณเข้าเงื่อนไขการเป็นบัญชีเก็งกำไรรายวัน PDT ทันที ซึ่งกรณีนี้แอปพลิเคชัน Dime! จะไม่สามารถแจ้งหรือป้องกันให้คุณได้
โดยหากบัญชีคุณติด PDT คุณจะต้องทำการปลดล็อก ซึ่งทำได้ 2 วิธี คือ
1. เติมเงินเข้าบัญชี Dime! USD เพื่อรวมกับมูลค่าหุ้นสหรัฐ ฯ ในพอร์ตให้มีมูลค่ามากกว่า 25,000 USD และรอเทรดในวันทำการถัดไป
2. แจ้งความประสงค์ให้โบรกเกอร์ต่างประเทศปลดล็อกให้ แต่จะทำได้เพียง 1 ครั้งเท่านั้น ระยะเวลาดำเนินการปลดล็อก 1-2 วันทำการตามเวลาต่างประเทศ หากเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก ต้องเติมเงินเข้ามาให้บัญชี Dime! USD รวมกับมูลค่าหุ้นสหรัฐ ฯ ในพอร์ตมูลค่ามากกว่า 25,000 USD เท่านั้น
อย่างไรก็ตาม วิธีการที่เราขอแนะนำ คือ การวางแผน และกำหนดจังหวะในการซื้อขายให้ชัดเจน เป็นการแก้ปัญหาที่ได้ผลที่สุดครับ
และนอกจากการแก้ปัญหาด้วยการวางแผนซื้อขายหุ้น เรายังมีไอเดียและกลยุทธ์ดี ๆ ในการเทรดหุ้นให้ปลอดภัยไม่เข้าเงื่อนไข PDT ด้วยนะ ไปดูกันเลยครับ
จากการที่ FINRA ออกกฎ PDT กำหนดเงื่อนไขต่าง ๆ เพื่อปกป้องนักลงทุนหน้าใหม่ที่เพิ่งเริ่มต้นลงทุน รวมทั้งนักลงทุนรายย่อยที่ยังมีเงินทุนไม่มากพอ ให้ระมัดระวังการซื้อขายหุ้นตามกลยุทธ์ Day Trade เนื่องจากเป็นรูปแบบการลงทุนที่มีความเสี่ยงและความผันผวนสูง
เราเลยจะมาแนะนำเทคนิคดี ๆ ให้แก่นักลงทุนที่อยากเทรดหุ้นให้ปลอดภัยภายใต้กฎ PDT ดังนี้ครับ
1. จดบันทึกเพื่อนับจำนวนรอบการซื้อขาย
เป็นวิธีแก้ปัญหาที่ตรงที่สุด ถ้ากลัวเทรดเกินที่กำหนดก็จดบันทึกนับรอบไปเลยครับ ท่องไว้..“ห้ามเกิน 3 คู่ใน 5 วัน”
2. ซื้อวันนี้ ขายพรุ่งนี้
จัดกลยุทธ์ในหุ้นบางตัวให้เป็นแบบซื้อขายข้ามวัน ก็จะช่วยให้ไม่เข้าข่ายของกฎ PDT ครับ
3. เปลี่ยนสไตล์ลงทุนเป็น Swing Trade
หากคุณฝืนทำข้อ 1-2 แล้ว แต่ก็พบว่ามันยุ่งยากเกินไป ไหนจะต้องจดบันทึก ต้องรวมยอด จัดกลยุทธ์หลบหลีกให้รอดกฎ PDT เราขอแนะนำให้คุณเปลี่ยนสไตล์การลงทุนจากการเทรดหุ้นรายวันตามกรอบการลงทุนระยะสั้น ขยับเป็นกรอบการลงทุนระยะกลางถึงยาวแทน
เพราะมันเป็นกลยุทธ์ที่คาดหวังกำไรจากรอบการแกว่งตัวของราคาในกรอบประมาณ 2 วัน – 3 สัปดาห์ กลยุทธ์ Swing Trade ที่ใช้เวลาในการซื้อขายต่อ 1 รอบยาวนานขึ้น ทำให้คุณสามารถบริหารจัดสรรเงินทุนได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น แถมยังไม่ต้องเฝ้าจอตลอดทั้งวันด้วยครับ นี่จึงเป็นกลยุทธ์ที่ดีที่สุดสำหรับนักลงทุนที่ต้องการซื้อขายหุ้นบ่อย ๆ แต่มีสินทรัพย์น้อยกว่า 25,000 ดอลลาร์ครับ
Swing Trade รวมถึงการซื้อขายหุ้นแบบปกติที่มีรอบเวลาในการซื้อขายยาวนาน ทำให้เรามีเวลาคิดมากขึ้น ได้เก็บเกี่ยวประสบการณ์ ได้รู้จักและเข้าใจความเสี่ยงในการลงทุนหุ้นต่างประเทศให้ครอบคลุม และเมื่อรวมสั่งสมเงินทุนได้มากพอ ก็สามารถกลับมาใช้กลยุทธ์ Day Trade ได้ครับ การที่มีกฎ PDT จึงอาจทำให้เราค่อย ๆ โตเป็นนักลงทุนที่เก่งกว่าเดิมแน่นอนครับ
Dime! ครบเครื่องเรื่องการเงิน แอปพลิเคชันที่ทุกคนสามารถเข้าถึงการลงทุนได้อย่างเท่าเทียม
เรารอฟังคำแนะนำจากทุกคนอยู่ ติดต่อเราได้เลยทางแอป Dime! หรือช่องทางโซเชียล Facebook และ LINE
[รู้จักเรา]
Dime! (ไดม์!) แปลว่าเหรียญ 10 เซนต์ (ประมาณ 3 บาท) สื่อถึงความตั้งใจของเราที่จะทำให้การเงินการลงทุน เป็นเรื่องที่คุณเข้าถึงได้ง่ายเหมือนกับเงิน 1 ไดม์