ราคาผิด = ติดดอย ทำไมซื้อหุ้นบริษัทที่ดีแล้วไม่ได้ผลตอบแทนที่คาดหวัง ?
24 มิถุนายน 2568 · อ่าน 3 นาที
เคยไหมครับ ซื้อหุ้นที่ใคร ๆ ก็ชมว่าอนาคตยาวไกล รู้ตัวอีกทีติดดอย
หลายคนคิดว่าแค่ลงทุนในหุ้นบริษัทดี ๆ ก็พอแล้ว เดี๋ยวราคาก็ขึ้นในอนาคต แต่จริง ๆ แล้ว “ราคาที่คุณจ่าย” ก็สำคัญไม่แพ้ “คุณภาพบริษัท”
เพราะอะไร ?
⌛ หุ้นดี ≠ หุ้นน่าซื้อ
ก็จริงที่บริษัทที่ดีเพราะ รายได้กำลังโต กำไรสูง แบรนด์แข็ง แต่ราคาหุ้นไม่ได้ถูกขับเคลื่อนโดยข้อมูลในปัจจุบันที่ทราบกันทั่วตลาดอยู่แล้วอย่างเดียว ราคาหุ้นในวันนี้สะท้อน “ข้อมูลที่เกี่ยวข้องทั้งหมด” รวมถึงความเชื่อ ความคาดหวังในอนาคต ความกลัว ความโลภ และอารมณ์ของนักลงทุนไว้แล้วด้วย
การที่เราซื้อหุ้นในราคาของวันนี้ เราในฐานะผู้ถือหุ้น กำลังหวังผลตอบแทนในอนาคตจาก “กำไรที่บริษัทจะทำได้” และ “เงินปันผลที่อาจจะจ่าย” แต่คนเราให้ค่ากับเงินในปัจจุบันมากกว่าอนาคต ถ้าเราต้องการผลตอบแทนเยอะ → ราคาหุ้นที่จ่ายวันนี้ควรยิ่งถูกลง
✅ ลองประเมินราคาแบบง่าย ๆ ด้วยปันผลปีถัดไป
สมมติว่าตลาดคาดว่าหุ้น A เป็นหุ้นปันผล ที่จ่ายปีละ 5 บาทคงที่ นักลงทุนส่วนใหญ่ในตลาดต้องการผลตอบแทน 10% ต่อปี
ราคายุติธรรมคือ 5 ÷ 0.10 = 50 บาท
💥 แต่ตลาดหุ้นไม่เคยนิ่ง เพราะ “ความคาดหวัง” เปลี่ยนเสมอ
📉 กรณี 1: ตลาด “ผิดหวัง” กับข่าว
บริษัทประกาศว่าเศรษฐกิจชะลอ ปีหน้าอาจจ่ายปันผลแค่ 4 บาท
ราคาหุ้นที่เคยอยู่ 50 บาท อาจร่วงทันที เพราะผลตอบแทนกลายเป็นแค่
4 ÷ 50 = 8% (ต่ำกว่า 10% ที่นักลงทุนต้องการ)
นักลงทุนก็จะขาย ทำให้ราคาลงไปหาจุดที่เหมาะสมกว่า เช่น
4 ÷ 0.10 = 40 บาท
💸 กรณี 2: ดอกเบี้ยขึ้น → นักลงทุนอยากได้ผลตอบแทนมากขึ้น
จากเดิมต้องการแค่ 10% กลายเป็น 11%
ราคายุติธรรมใหม่ = 5 ÷ 0.11 = 45.45 บาท
ถ้าคุณเพิ่งซื้อตอนราคา 50 บาท ก็อาจ ติดดอยทันที ทั้งที่บริษัทก็ยังดีอยู่
⚠️ ในชีวิตจริง… เราไม่รู้ว่า “ตลาดต้องการผลตอบแทนเท่าไหร่”
ตัวอย่างเมื่อกี้ช่วยให้เราเห็นความสัมพันธ์ระหว่าง “ราคา” และ “ผลตอบแทน”
ผลตอบแทนที่ตลาดคาดหวังขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่นดอกเบี้ย ความเสี่ยงของบริษัท อารมณ์ของนักลงทุน
🔍 แล้วเราจะหา “ราคาที่ผิด” ได้ยังไง?
แม้เราจะไม่รู้เป๊ะ ๆ ว่าตลาดคาดผลตอบแทนเท่าไหร่
แต่เราพอจะเดาได้ว่าตลาดกำลังคาดหวังเยอะไป หรือกลัวเกินไปไหม
เช่น…
ถ้าหุ้นตัวนึงคนพูดถึงกันเยอะมาก บอกว่าจะโตระดับโลก กำไรยังไม่มา แต่ราคาวิ่งไปไกล
→ ราคาอาจจะสะท้อน “ความคาดหวังที่มากเกินไป” แล้ว
หรือในทางกลับกัน หุ้นที่ไม่มีใครอยากแตะ ข่าวลบเต็มไปหมด ราคาดิ่ง
→ แต่ถ้าคุณเข้าใจธุรกิจดี และคิดว่า “มันยังไม่เจ๊งแน่ ๆ” คุณอาจกำลังเจอโอกาสจาก “ความกลัวเกินจริงของตลาด”
⭐ ข่าวดีคือ ไม่ต้องเดาเก่งก็ลงทุนได้
ถ้ารู้ว่าการเลือกหุ้นรายตัวมันยาก ไม่ต้องเลือกเลยก็ได้
ลองลงทุนผ่านกองทุนดัชนี (Index Fund) ที่ลงทุนในหุ้นหลายตัว เช่น S&P 500 หรือ STOXX 50
✅ ไม่ต้องเดาว่าหุ้นไหนจะชนะตลาด เพราะเราลงทุนทั้งตลาดไปเลย
✅ เหมาะกับคนที่อยาก “อยู่รอดในตลาด” มากกว่าจะพยายาม “เอาชนะตลาด” ทุกครั้ง
📚ถ้าจะเลือกหุ้นรายตัว
ถามตัวเองก่อนว่า…
✅ ราคานี้ คนกำลังคาดหวังเกินจริงไปหรือเปล่า ?
✅ ข่าวที่ออกมา ทำให้คนกลัวเกินเหตุหรือเปล่า ?
✅ เราแน่พอที่จะ “วิ่งสวนกระแส” ไหม?
ถ้าไม่มั่นใจว่าราคาถูกหรือแพง → DCA อาจปลอดภัยกว่า
การติดดอยไม่ได้แปลว่าเราเลือกหุ้นผิดเสมอไป
บางครั้งเราแค่จ่ายแพงไปในวันที่ทุกคนมองโลกสวยเกินจริง
เพราะราคาหุ้น = ความคาดหวังในอนาคต
ถ้าความจริงไม่เป็นตามฝัน ราคาก็ร่วงได้ง่าย ๆ
เราต้องเข้าใจว่าตลาดคาดหวังอะไร และมีวินัยในการลงทุน ไม่หลงไปตามฝูงชน
ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน
ศึกษาเพิ่มเติม:
https://th.wikipedia.org/wiki/สมมติฐานประสิทธิภาพของตลาด
https://www.investopedia.com/terms/d/ddm.asp
Dime! ครบเครื่องเรื่องการเงิน แอปพลิเคชันที่ทุกคนสามารถเข้าถึงการลงทุนได้อย่างเท่าเทียม
เรารอฟังคำแนะนำจากทุกคนอยู่ ติดต่อเราได้เลยทางแอป Dime! หรือช่องทางโซเชียล Facebook และ LINE
[รู้จักเรา]
Dime! (ไดม์!) แปลว่าเหรียญ 10 เซนต์ (ประมาณ 3 บาท) สื่อถึงความตั้งใจของเราที่จะทำให้การเงินการลงทุน เป็นเรื่องที่คุณเข้าถึงได้ง่ายเหมือนกับเงิน 1 ไดม์