ตลาดขาลงก็มีโอกาสทำกำไรได้ด้วย Inverse ETF
21 พฤษภาคม 2567 · อ่าน 2 นาที
โดยทั่วไปเวลาที่เราลงทุน เราก็ต้องคาดหวังให้ราคาของหุ้นหรือหลักทรัพย์นั้น ๆ มันสูงขึ้น เพื่อจะได้กำไรจากส่วนต่างของราคาใช่ไหมครับ ซึ่งการลงทุนในตลาดหุ้นก็เต็มไปด้วยกลยุทธ์และเครื่องมือทางการเงินมากมายให้เราเลือกพิจารณาใช้กัน
แต่ในบทความนี้เราจะพาไปรู้จักกับกลยุทธ์ที่เป็นที่นิยมเช่นกัน สำหรับนักลงทุนที่ชอบคาดการณ์ทิศทางตลาดขาลงกันครับ โดยที่กลยุทธ์นี้มีโอกาสสร้างผลตอบแทนได้แบบตรงข้ามกับทิศทางของราคาหุ้นหรือดัชนีหุ้นได้เลย กลยุทธ์ที่ว่านี้คือการลงทุนใน Inverse ETF นั่นเอง
Inverse ETF คืออะไร ?
หากเรามองว่าตลาดหุ้นจะเป็นช่วงขาลง นักลงทุนมักจะป้องกันความเสี่ยงด้วยการขายชอร์ตหุ้น (Short) คือ การยืมหุ้นจากบริษัทหลักทรัพย์หรือสถาบันที่ให้บริการยืมหุ้น (SBL) จากนั้นจึงนำหุ้นเหล่านั้นไปขายในตลาด และซื้อกลับคืนในภายหลังด้วยราคาที่ต่ำลง แล้วจึงนำไปคืนบริษัทหลักทรัพย์เพื่อทำกำไรจากส่วนต่างของราคา (ขายแพงซื้อถูก) แต่ถ้าหากราคาหุ้นขึ้น เราก็จะขาดทุนนั่นเอง
ซึ่งกองทุน ETF ที่เป็นลักษณะ Inverse ETF ก็จะใช้วิธีการชอร์ตหุ้นนี้ รวมไปถึงเครื่องมือตราสารอนุพันธ์และเลเวอเรจ (Leverage) เพื่อเป้าหมายทำผลตอบแทน "ตรงกันข้าม" กับดัชนีหรือกลุ่มหุ้นที่เราสนใจนั่นเอง
ยกตัวอย่างง่าย ๆ ถึงการทำงานของ Inverse ETF เช่น หากดัชนี S&P500 ลดลง 1% ถ้าคุณลงทุนในกองทุน Inverse S&P500 ETF ในทางทฤษฎีจะต้องได้ผลตอบแทนเพิ่มขึ้น 1% ครับ
มารู้จัก 3 Inverse ETF ที่มีมูลค่าสินทรัพย์ (Total Assets) สูงที่สุดกันบ้าง
1. SQQQ: ProShares UltraPro Short QQQ
กองทุนที่ลงทุนสวนทางกับดัชนี Nasdaq 100 ในอัตราทด 3 เท่า กล่าวคือ ถ้าดัชนีลด 1% กองทุนจะได้ผลตอบแทนเพิ่ม 3% (ก่อนหักค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่าย)
2. SH: ProShares Short S&P500
กองทุนที่ลงทุนสวนทางกับดัชนี S&P500 ในอัตราทด 1 เท่า กล่าวคือ ถ้าดัชนีลด 1% กองทุนจะได้ผลตอบแทนเพิ่ม 1% (ก่อนหักค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่าย)
3. SOXS: Direxion Daily Semiconductor Bear 3x Shares
กองทุนที่ลงทุนสวนทางกับดัชนี PHLX Semiconductor Sector Index (SOX) ในอัตราทด 3 เท่า กล่าวคือ ถ้าดัชนีลด 1% กองทุนจะได้ผลตอบแทนเพิ่ม 3% (ก่อนหักค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่าย)
นอกจากนี้ Inverse ETF แบบหุ้นรายตัวก็มีเช่นกัน เช่น
1. AAPD: Direxion Daily AAPL Bear 1X Shares
กองทุนที่ลงทุนสวนทางกับทิศทางของหุ้น Apple (AAPL) ในอัตราทด 1 เท่า
2. TSLS: Direxion Daily TSLA Bear 1X Shares
กองทุนที่ลงทุนสวนทางกับทิศทางของหุ้น Tesla (TSLA) ในอัตราทด 1 เท่า
ข้อดีและข้อควรระวังของ Inverse ETF
ข้อดี
- สามารถทำกำไรได้แม้ในช่วงตลาดขาลง และมีโอกาสได้ผลตอบแทนที่มากขึ้น เนื่องจากใช้วิธีการเลเวอเรจ หรืออัตราทดที่จะทำให้ผลตอบแทนทวีคูณเป็นจำนวนเท่าของหุ้นหรือดัชนีที่อ้างอิง
- Inverse ETF บางตัวมีสภาพคล่องสูง สามารถซื้อและขาย ETF ได้ง่าย
ข้อควรระวัง
- ค่าธรรมเนียมการจัดการที่สูงกว่า ETF ทั่วไป
- ราคา Inverse ETF อาจผันผวนมากกว่าราคาดัชนีหรือกลุ่มหุ้นนั้น ๆ
- เนื่องจากใช้เครื่องมือเลเวอเรจ จึงมีโอกาสทำให้ขาดทุนแบบทวีคูณเช่นกัน
Inverse ETF เหมาะกับใคร ?
หากคุณรับความเสี่ยงการอัตราทดการลงทุนแบบทวีคูณได้ และมีความเข้าใจการเคลื่อนไหวทิศทางของตลาดอยู่พอสมควร การลงทุนใน Inverse ETF อาจเป็นตัวเลือกที่เหมาะสำหรับคุณ
อย่างไรก็ตาม Inverse ETF มักจะมีกรอบการลงทุนโดยมีเป้าหมายระยะสั้น ๆ แบบวันต่อวัน จึงไม่เหมาะกับคนที่เน้นลงทุนระยะยาวครับ
ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
ติดต่อ ขอรับข้อมูลเพิ่มเติมหรือหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัท
ที่มา: https://etfdb.com/etfs/inverse/equity/
ที่มา: https://www.bankrate.com/investing/best-inverse-etfs/#what-is-leveraged-short-selling
Dime! ครบเครื่องเรื่องการเงิน แอปพลิเคชันที่ทุกคนสามารถเข้าถึงการลงทุนได้อย่างเท่าเทียม
เรารอฟังคำแนะนำจากทุกคนอยู่ ติดต่อเราได้เลยทางแอป Dime! หรือช่องทางโซเชียล Facebook และ LINE
[รู้จักเรา]
Dime! (ไดม์!) แปลว่าเหรียญ 10 เซนต์ (ประมาณ 3 บาท) สื่อถึงความตั้งใจของเราที่จะทำให้การเงินการลงทุน เป็นเรื่องที่คุณเข้าถึงได้ง่ายเหมือนกับเงิน 1 ไดม์