ทำไมทองคำ ถึงเป็นสินทรัพย์ที่คนชอบลงทุน ยามเกิดวิกฤติ
28 ตุลาคม 2565 · อ่าน 1 นาที
ช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา เราคงเห็นเหตุการณ์เกิดขึ้นมากมาย ตั้งแต่สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิดระลอก 2 3 4, สงครามระหว่างยูเครนและรัสเซีย จนไปถึงภาวะเงินเฟ้อสูง ส่งผลให้เศรษฐกิจทั่วโลกค่อนข้างผันผวน
💵 เมื่อเรื่องเป็นแบบนี้ จึงไม่น่าแปลกใจที่เราจะเห็นหลายคน เริ่มหาสินทรัพย์ที่มีความปลอดภัย และสามารถรักษาเงินของพวกเขาได้ดี โดยอันดับแรกที่คนมักนึกถึงกัน คงไม่พ้น “เงินสด” เพราะเป็นสินทรัพย์ที่มีความผันผวนน้อยที่สุด ในภาวะปกติ และสะดวกต่อการใช้จ่ายในชีวิตประจำวันด้วย
อย่างไรก็ดี เงินสดมีความเสี่ยงอยู่เหมือนกัน ตรงที่หากรัฐบาลบริหารเศรษฐกิจของประเทศได้แย่ จนทำให้เกิดภาวะเงินเฟ้ออย่างหนัก เงินสดที่ถือไว้ก็ลดมูลค่าได้อย่างรวดเร็วอยู่ดี เช่น ศรีลังกา ที่มีอัตราเงินเฟ้อสูงถึง 70% ในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา หรือพูดง่าย ๆ ว่าจากเดิมที่อาหารจานละ 100 บาท ได้กลายเป็น 170 บาทไปนั่นเอง
หรือหากเป็นประเทศที่เกี่ยวข้องกับสงครามโดยตรง เช่น รัสเซีย ก็มีโอกาสทำให้มูลค่าของเงินลดลงได้ด้วยเช่นกัน เพราะประเทศที่ทำสงครามมักใช้งบประมาณที่สูง ซึ่งนำไปสู่การกู้ยืมเงิน หรือพิมพ์เงินเองก็ตาม
💴 จากเหตุผลที่เล่าไป ดูเหมือนว่าเราต้องหาทางเลือกอื่น เลยนำไปสู่ “พันธบัตรรัฐบาล” ตราสารหนี้ออกโดยรัฐบาล และจ่ายดอกเบี้ยแก่เจ้าของตราสารหนี้ ซึ่งความพิเศษของพันธบัตรรัฐบาล นอกจากจะรับประกันจากรัฐบาลแล้ว ยังได้ผลตอบแทนอีกด้วย แทนที่จะถือเงินสด ซึ่งนับวันเสื่อมมูลค่าลงไปเรื่อย ๆ
🏅 แต่ก็ต้องยอมรับว่า ปัญหาที่เกิดกับเงินสด ยังเป็นปัญหากับพันธบัตรรัฐบาลเช่นเดียวกัน เพราะหากรัฐบาลล้มละลาย สุดท้ายพันธบัตรรัฐบาลที่เราถือไว้ ก็ไม่มีความหมาย
แล้วสินทรัพย์อะไร ที่สามารถเป็นหลุมหลบภัยเงินของเราได้บ้าง ?
หนึ่งในสินทรัพย์ที่ผู้คนนิยมถือไว้ช่วงวิกฤติ คือ “ทองคำ” นั่นเอง โดยความโดดเด่นของทองคำ ที่แตกต่างจากเงินสดเลยคือ
1. มีจำนวนจำกัด ไม่ต้องกังวลว่าจะถูกผลิตออกมาไม่จำกัดเหมือนกับธนบัตรจนทำให้เกิดเงินเฟ้อ
2. ราคามีทิศทางที่ตรงกันข้ามกับเศรษฐกิจ หากเศรษฐกิจกำลังชะลอตัว หรือถดถอย ราคาของทองคำก็จะสูงขึ้น
ดูตัวอย่างได้จากเหตุการณ์ก่อนหน้า เช่น วิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ ทองคำเป็นสินทรัพย์เดียวที่ราคาเพิ่มขึ้น ซึ่งราคาเพิ่ม 4% ภายในปีนั้น หรือปี 2563 วิกฤติการแพร่ระบาดของโรคโควิด ราคาทองคำสามารถเติบโตได้ดีที่ 25% จากเรื่องราวเหล่านี้ ทำให้หลายคนเลือกเก็บออมในรูปทองคำไว้ส่วนหนึ่ง เพื่อลดความเสี่ยงของพอร์ตโดยรวม
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าทองคำจะสามารถรักษามูลค่าได้ดียามเกิดวิกฤติ แต่ด้วยความที่ทองคำไม่ได้เป็นสินทรัพย์ที่สร้างกระแสเงินสดเลยเช่นเดียวกับหุ้น ทำให้ช่วงที่เศรษฐกิจเติบโตดี ราคาทองคำก็มักจะมีแนวโน้มลดลง
📌 พอเล่ามาถึงตรงนี้แล้ว บางคนน่าจะสนใจ อยากเดินออกไปซื้อทองคำมาเก็บไว้บ้างเลย แต่รู้หรือไม่ว่า มีอีกทางเลือกหนึ่งที่ให้ผลตอบแทนไม่ต่างจากการมีทองคำ นั่นคือกองทุนทองคำ โดยกองทุนทองคำจะเป็นการให้ผู้เชี่ยวชาญนำเงินของเราไปลงทุนในทองคำแทน โดยมีการเก็บค่าธรรมเนียม แลกกับการบริหารทองคำให้
นอกจากข้อดีอย่างการมีผู้เชี่ยวชาญคอยบริหารให้แล้ว ยังมีเรื่องของความสะดวก ตั้งแต่สามารถซื้อขายผ่านทางออนไลน์ มีเงินหลักร้อยก็สามารถลงทุนได้ รวมถึงมีความปลอดภัย ไม่ต้องกลัวว่าจะหายเลย นึ่จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้นักลงทุนหลายรายเลือกลงทุนทองคำผ่านกองทุน
🏅 และหนึ่งในกองทุนทองคำที่นักลงทุนนิยมเลือกลงทุนมากสุด คงต้องพูดถึงกองทุน ETF อย่าง “SPDR Gold Shares” มีชื่อย่อว่า “GLD” เพราะมีค่าธรรมเนียมที่ต่ำ เป็นกองทุนที่ซื้อขายทองคำมากที่สุดในโลก และที่สำคัญซื้อขายง่ายเหมือนหุ้น
โดย SPDR Gold Shares มีนโยบายการลงทุนในทองคำแท่งโดยตรงเท่านั้น หรือพูดง่าย ๆ ว่าเป็นการนำเงินที่ระดมทุน ไปซื้อทองคำจริง ๆ ไม่มีการทำธุรกรรมอื่นเพิ่มเติม ทำให้ผลตอบแทนของกองทุนนี้ เป็นไปตามการเคลื่อนไหวของราคาทองคำในตลาดโลก
📌 ถ้าหากเพื่อน ๆ สนใจ สามารถซื้อ SPDR Gold Shares (GLD) ได้ง่าย ๆ บนแอป Dime! เปิดบัญชีภายในปี 2565 ฟรีค่าคอมมิชชันทุกรายการซื้อขายถึง 30 มิ.ย. 66 และถ้าทำภารกิจซื้อหุ้นสหรัฐฯ หรือกองทุนรวมบนแอป ก็รับหุ้นสหรัฐฯ เพิ่มอีกสูงสุดถึง 200 บาท*ไปเลย
ข้อมูลนี้จัดทำขึ้นเพื่อเป็นการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น โดยไม่ถือว่าเป็นการให้คำแนะนำด้านการลงทุน บทวิเคราะห์ หรือการเสนอขายแต่อย่างใด ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด
อ้างอิง
morningstarthailand.com
bot.or.th
usnews.com
Dime! ครบเครื่องเรื่องการเงิน แอปพลิเคชันที่ทุกคนสามารถเข้าถึงการลงทุนได้อย่างเท่าเทียม
เรารอฟังคำแนะนำจากทุกคนอยู่ ติดต่อเราได้เลยทางแอป Dime! หรือช่องทางโซเชียล Facebook และ LINE
[รู้จักเรา]
Dime! (ไดม์!) แปลว่าเหรียญ 10 เซนต์ (ประมาณ 3 บาท) สื่อถึงความตั้งใจของเราที่จะทำให้การเงินการลงทุน เป็นเรื่องที่คุณเข้าถึงได้ง่ายเหมือนกับเงิน 1 ไดม์