Forrest Gump จะกลายเป็นมหาเศรษฐีระดับโลก หากยังถือหุ้น Apple ไว้
7 พฤศจิกายน 2565 · อ่าน 1 นาที
เชื่อว่าเพื่อน ๆ หลายคนคงเคยดู Forrest Gump หรือชื่อไทยว่า ฟอร์เรสท์ กัมพ์ อัจฉริยะปัญญานิ่ม กันมาแล้ว เพราะเป็นภาพยนตร์ที่มีหลากหลายอารมณ์ ตั้งแต่เศร้า หัวเราะ อิ่มเอมใจ และทำให้เราคอยเอาใจช่วยตัวเองอยู่เสมอ
แต่สำหรับเพื่อนคนไหนที่ไม่เคยดู ไม่เป็นไร เราจะเล่าเรื่องย่อให้ฟัง
📍 Forrest Gump คือ ภาพยนตร์ที่เล่าเรื่องราวของชายคนหนึ่งที่มี IQ เพียง 75 แต่ด้วยความที่มีความอัจฉริยะด้านอื่น ๆ มองโลกในแง่ดี และใจดีกับผู้คน ทำให้เขาสามารถประสบความสำเร็จหลายเรื่องในชีวิต
ซึ่งตอนท้ายของเรื่อง ในปี 1975 Forrest Gump ได้รับคำแนะนำจาก Dan Taylor มิตรสหายร่วมศึกของเขาในช่วงสงครามเวียดนาม ให้นำเงินส่วนหนึ่งจากบริษัทส่วนตัว ลงทุนในบริษัทที่มีสัญลักษณ์เป็นผลไม้ นั่นก็คือหุ้นบริษัท Apple ผู้ผลิตโทรศัพท์มือถือ iPhone ที่ครองส่วนแบ่งอันดับต้นของโลก
โดยจากการคาดการณ์ของแฟน ๆ ในต่างประเทศ Forrest Gump ได้ลงทุนด้วยเงิน 100,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็น 3,776,000 บาท ซึ่งจะได้หุ้น 3% ของบริษัท โดยอ้างอิงจากนักลงทุนในช่วงเวลานั้น
📍 สิ่งที่น่าคิดต่อแบบเล่น ๆ ถ้า Forrest Gump มีตัวตนจริง แล้วยังคงถือหุ้น Apple อยู่ในปัจจุบัน เงินก้อนนั้นจะเติบโตเป็นกี่บาท ? หากดูมูลค่าตลาดของ Apple ทั้งบริษัท ณ ปัจจุบัน จะอยู่ที่ 83.45 ล้านล้านบาท
ดังนั้น Forrest Gump จะมีหุ้นอยู่ในมือมูลค่า 2.5 ล้านล้านบาท ซึ่งเติบโตเฉลี่ย 33% ต่อปี และกลายเป็นคนรวยอันดับที่ 14 ของโลก โดยเป็นรองจาก Sergey Brin ผู้ร่วมก่อตั้ง Google แต่ทั้งนี้ ก็ต้องบอกว่าเงินที่ Forrest Gump ได้นั้น ไม่รวมกับปันผลระหว่างทางด้วยนะ
📍 อีกคำถามหนึ่งที่น่าคิด แล้วถ้าคนดูกลับมาลงทุนหุ้น Apple ด้วย จะเป็นอย่างไร ?
ช่วงเวลาที่ฉายภาพยนตร์ คือเดือน กรกฎาคม ปี 1994 ซึ่งช่วงเวลานั้น ราคาหุ้น Apple อยู่ที่ประมาณ 11 บาทต่อหุ้น แต่ปัจจุบันหุ้น Apple อยู่ที่ 5,228 บาท เท่ากับว่าหากเราลงทุนด้วยเงินจำนวนเดียวกันกับ Forrest Gump ภายใน 28 ปี เงินของเราจะเพิ่มเป็นจำนวนถึง 1,748 ล้านบาท หรือคิดเป็นการเติบโต 24.5% ต่อปี แม้ว่าสุดท้ายคนดูจะได้เงินน้อยกว่าอัจฉริยะปัญญานิ่มคนนี้ แต่ก็ถือว่าเป็นเงินที่มหาศาลอยู่ดี
ไหน ๆ แล้ว เราก็พูดถึงหุ้น Apple กันแล้ว มาดูกันต่อดีกว่าว่า ผลประกอบการของบริษัทเป็นอย่างไรบ้าง ? หากเราแบ่งผลประกอบการในแต่ละธุรกิจของ Apple จะพบว่า
- iPhone มีรายได้ 7,735,222 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อน 7%
- Mac มีรายได้ 1,512,382 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อน 14%
- iPad มีรายได้ 1,102,638 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อน 8%
- อุปกรณ์สวมใส่และอุปกรณ์อื่น ๆ ได้แก่ AirPods, Apple TV, Apple Watch, Beats products, HomePod mini และอื่น ๆ มีรายได้ 1,552,434 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อน 7%
- บริการต่าง ๆ ได้แก่ AppleCare, Apple Music, iCloud และ App Store มีรายได้ 2,941,009 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อน 14%
หากนับรายได้ทั้งหมดของ Apple เท่ากับ 14,843,688 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อน 8% ขณะที่มีกำไรสุทธิ 3,756,884 ล้านบาท ซึ่งคิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 25%
เล่ามาถึงตรงนี้แล้ว สำหรับคนที่สนใจลงทุนในบริษัท Apple สามารถกดซื้อหุ้น AAPL บนแอป Dime! ได้เลย เรามีโปรดี ๆ รออยู่ ถ้าเปิดบัญชีภายในปี 2565 ฟรีค่าคอมมิชชันทุกรายการซื้อขายถึง 30 มิ.ย. 66 และถ้าทำภารกิจซื้อหุ้นสหรัฐฯ หรือกองทุนรวมบนแอป ก็รับหุ้นสหรัฐฯ เพิ่มอีกสูงสุดถึง 200 บาท* ไปเลย
*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด
ข้อมูลนี้จัดทำขึ้นเพื่อเป็นการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น โดยไม่ถือว่าเป็นการให้คำแนะนำด้านการลงทุน บทวิเคราะห์ หรือการเสนอขายแต่อย่างใด ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
Dime! ครบเครื่องเรื่องการเงิน แอปพลิเคชันที่ทุกคนสามารถเข้าถึงการลงทุนได้อย่างเท่าเทียม
เรารอฟังคำแนะนำจากทุกคนอยู่ ติดต่อเราได้เลยทางแอป Dime! หรือช่องทางโซเชียล Facebook และ LINE
[รู้จักเรา]
Dime! (ไดม์!) แปลว่าเหรียญ 10 เซนต์ (ประมาณ 3 บาท) สื่อถึงความตั้งใจของเราที่จะทำให้การเงินการลงทุน เป็นเรื่องที่คุณเข้าถึงได้ง่ายเหมือนกับเงิน 1 ไดม์