Derivative Warrant หรือ "DW" อาจดูเหมือนเครื่องมือการลงทุนที่ซับซ้อนสำหรับมือใหม่ แต่ความจริงแล้ว หากเข้าใจพื้นฐานอย่างถูกต้อง จะเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่สามารถสร้างโอกาสทำกำไรได้โดยเฉพาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการใช้เงินลงทุนน้อย แต่มีโอกาสรับผลตอบแทนสูง บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกับ DW ตั้งแต่ต้นแบบไม่ต้องมีพื้นฐานมาก่อน พร้อมสรุปจุดสำคัญที่ควรรู้ก่อนลงสนามจริง 

 DW คืออะไร? 

DW หรือ Derivative Warrants เป็นตราสารอนุพันธ์ (Derivative) ที่เคลื่อนไหวตามสินทรัพย์อ้างอิงหรือที่เรามักเรียกว่าหุ้นอ้างอิง หรือหุ้นแม่ เป็นเครื่องมือทางการเงินที่ช่วยให้คุณทำกำไรได้ทั้งขาขึ้นและขาลง โดยใช้เงินลงทุนน้อยกว่าการซื้อหุ้นจริง และได้ผลกำไรมากกว่า แต่หากผิดทางก็จะมีโอกาสขาดทุนมากเช่นกัน

ตัวอย่าง หากคิดว่าหุ้น  ABC จะ “ขึ้น” จาก 70 บาท ไป 75 บาท                                                                                            
ซื้อ ABC06C2504A (Call DW) ที่ราคา 1.50 บาท                                     

ถ้าหุ้น ABC ขึ้น DW อาจขึ้นเป็น 2.50 บาท ได้กำไร 66% (แต่หุ้นขึ้นแค่ 7%) 

ถ้าผิดทาง หุ้นไม่ขึ้น DW อาจลดลงเร็วกว่าเช่นกัน

 

 อ่านชื่อ DW อย่างไร ?

ตัวอย่างเช่น SET5006C2504A
ชื่อของ DW อาจดูงง ๆ ตอนแรก แต่จริง ๆ แล้วสามารถบอกข้อมูลครบเลยนะ

เรามาแกะชื่อกันทีละส่วนกันดีกว่า

SET50 คือ หุ้นอ้างอิง หรือหุ้นแม่ ในที่นี้คืออ้างอิงดัชนี SET50 index Future

06 คือ ผู้ออก DW (บล.เกียรตินาคินภัทร)

C คือ Call (ถ้าเป็น Put จะเป็น P)

25 คือ ปี 2025 

04 คือ เดือน 04 (เมษายน)

A คือ ซีรีส์ของ DW ตัวนี้

 ตัวอย่างการอ่านชื่อย่อ DW : DW ตัวนี้อ้างอิง ดัชนี SET50 Index Future ผู้ออกหมายเลข 06 (บล.เกียรตินาคินภัทร) ประเภท Call DW หมดอายุปี 2025 เดือน เมษายน รุ่น A

*** สามารถตรวจสอบหมายเลขและรายชื่อผู้ออก DW ทั้งหมดได้ที่ https://www.set.or.th/th/listing/other-instruments/dw/issuers 

จริง ๆ DW มี 2 แบบนะ 

 Call DW → เก็งว่าหุ้นจะ "ขึ้น" ถ้าหุ้นแม่ขยับขึ้น DW ก็จะขึ้นตาม 
 Put DW → เก็งว่าหุ้นจะ "ลง" ถ้าหุ้นแม่ขยับลง DW ก็จะขึ้นสวนทางกัน 

 อยากเล่น DW ต้องดูอะไรบ้าง  

DW ขึ้นแรงก็จริง แต่เสี่ยงก็แรงเหมือนกัน!จะเทรดทั้งที มาดูสิ่งที่ ควรรู้ก่อนเริ่มเล่น DW กันดีกว่า

 คิดก่อนว่า "หุ้นจะขึ้น หรือจะลง?

ถ้าคิดว่า หุ้นจะขึ้น → เล่น Call DW (ได้กำไรเมื่อราคาหุ้นขึ้น)

ถ้าคิดว่า หุ้นจะลง → เล่น Put DW (ได้กำไรเมื่อราคาหุ้นลง)

หากไม่วิเคราะห์หรือยังไม่มั่นใจทิศทางก่อนลงทุน ก็มีโอกาสขาดทุนสูง เนื่องจาก DW มีความผันผวนมากและมีอายุจำกัด (หมดอายุได้) เพราะทิศทางของตลาดคือหัวใจสำคัญในการทำกำไรจาก DW ครับ

 ดูว่า DW จะหมดอายุเมื่อไหร่ 

DW มีวันหมดอายุ ยิ่งใกล้หมดอายุ → ราคา DW ยิ่งลดเร็ว (แม้หุ้นไม่ขยับเลย!) 

 มีคนช่วยดูแลรึเปล่า? (Market Maker)

DW ควรมี “Market Maker” หรือคนคอยดูแลสภาพคล่อง (สามารถใช้ประโยชน์จากตารางรับซื้อคืนได้) จะมี ตารางราคาซื้อคืน ให้ดูนักลงทุนสามารถตรวจสอบได้หากจะขาย DW คืน ที่ราคาหุ้นแม่เท่าไหร่ ราคา DW จะอยู่ที่เท่าไหร่ ผู้ดูแลสภาพคล่องจะคอยตั้งราคาซื้อ-ขายไว้ใกล้เคียงกันกับตารางรับซื้อคืนทำให้ สเปรดราคาแคบ (ราคาซื้อ–ขายต่างกันน้อย) หากไม่มีผู้ดูแลสภาพคล่องราคาซื้อ–ขายจะห่างกันมาก (สเปรดกว้าง) เวลาเราซื้อแล้วขายต่ออาจขาดทุนทันที หรือไม่มีใครรับซื้อคืน DW และขายคืนได้ยาก โดยเฉพาะเวลาตลาดผันผวนนักลงทุนอาจ “ติดดอย” หรือขายขาดทุนหนัก เพราะขาดคนดูแลราคาครับ

***สามารถตรวจสอบตารางรับซื้อคืนได้ที่เว็ปไซต์ผู้ออก DW ได้เลยนะครับ 

 ดูวันหมดอายุของ DW อย่างไร?

วิธีที่ 1: ดูจากชื่อ DW ก็รู้แล้ว! 

ชื่อของ DW จะซ่อน "วันหมดอายุ" เอาไว้ในตัวชื่อเลยครับ 

ตัวอย่าง: HSI06C2504A  

25 → ปี 2025 
04 → เดือน 4 = เมษายน

แปลว่า DW ตัวนี้จะหมดอายุในเดือน เม.ย. 2568

แต่หากจะระบุวันซื้อขายสุดท้ายแบบชัดเจนเลย สามารถตรวจสอบจากเว็ปไซต์ผู้ออก DW ได้ โดยตรงเช่นกันครับ

1. เข้าเว็บ: www.set.or.th 
2. พิมพ์ชื่อ DW ที่คุณสนใจ เช่น HSI06C2504C 
3. คลิกเข้าไปดู จะมีบอกชัดๆ ว่า หมดอายุวันไหน ,ราคาใช้สิทธิเท่าไหร่, ประเภท Call หรือ Put

 หมดอายุแล้วทำไง? 

DW ทุกตัวมีวันหมดอายุนะ ถ้าถือจนครบอายุ ระบบจะคำนวณเงินให้โดยอัตโนมัติ 

ถ้า DW ยัง “In The Money” → จะได้รับเงินโอนเข้าพอร์ตภายใน 8 วันทำการหลังจากวันซื้อขายสุดท้าย 
ถ้า “Out of The Money” หรือ At The Money→ หมดเลยจ้าา (มูลค่า = 0) 

ซึ่งการที่เราจะดูว่า DW เป็น In The Money หรือ Out The Money จะต้องคำนวณในส่วน“สถานะของ DW” ว่ามี มูลค่าที่แท้จริง (Intrinsic Value) หรือไม่ ณ เวลานั้น

วัตถุประสงค์ของการคำนวณ Intrinsic Value คือ: เพื่อดูว่า DW ตัวนั้น “มีสิทธิได้เงินคืน” หรือไม่ หากเราถือมันไปจนถึงวันหมดอายุ

 เข้าใจสถานะของ DW > At The Money / In The Money / Out of The Money ของ DW ง่ายๆ ดูว่า DW ของตัวเองได้เงินหรือไม่ 

เวลาเล่น DW (ทั้ง Call และ Put) จะมีคำที่ต้องรู้ 3 คำนี้บ่อยมาก: ATM / ITM / OTM (เมื่อหมดอายุ) 


ไม่ต้องกลัว! เดี๋ยวเรามาดูทีละแบบแบบสบายๆ กันครับ

 ATM = At The Money แปลว่า: หุ้นแม่ = ราคาใช้สิทธิ 

ตัวอย่าง: หุ้นแม่ A ราคา 50 บาท ราคาใช้สิทธิ  50 บาท แบบนี้เรียกว่า ATM 
ถ้าถือ DW ไปจนหมดอายุ จะไม่ได้รับเงินอะไรเลยนะครับ เพราะไม่มี “ส่วนต่าง” ให้จ่าย (ไม่กำไร ไม่ขาดทุน)

  ITM = In The Money แปลว่า: “อยู่ในสถานะกำไร” หรือ DW ตัวนี้ ถ้าใช้สิทธิแล้ว ได้กำไร

ลองนึกภาพตามง่าย ๆ เหมือนเราซื้อของในราคาถูก แล้วเอาไปขายได้แพงกว่าแบบนี้คือได้กำไรครับ ITM ก็เหมือนกันเลย

ถ้าเป็น Call DW   หุ้นแม่ > ราคาใช้สิทธิ                                                                                                     

ตัวอย่างเช่น หุ้น A  ราคา 60 บาท มีราคาใช้สิทธิ  55 บาท  

ดังนั้นถ้าใช้สิทธิซื้อหุ้นที่ราคา 55 บาท แล้วขายในตลาดทันทีจะมีกำไรส่วนต่าง 5 บาท

ถ้าเป็น Put DW   หุ้นแม่ <  ราคาใช้สิทธิ

ตัวอย่างเช่น หุ้น A ราคา 45 บาท  ที่ราคาใช้สิทธิ  50 บาท

หากใช้สิทธิขายหุ้นที่ราคา 50 บาทจะมีกำไรส่วนต่าง 5 บาท (ราคาในตลาดเท่ากับ 45 บาท)

****หากถ้าถือ DW จนหมดอายุจะได้เงินคืนตามส่วนต่างตามนี้เลย 

📉 OTM = Out of The Money แปลว่ายังไม่มีกำไร DW ถ้าใช้สิทธิวันนี้ จะขาดทุนเพราะราคาหุ้นในตลาดยังไม่เหมาะกับการใช้สิทธิ

ถ้าเป็น Call DW = หุ้นแม่ <  ราคาใช้สิทธิ 
ตัวอย่างเช่น หุ้นแม่ A ราคา 45 บาท ราคาใช้สิทธิซื้อ 50 บาท  ถ้าใช้สิทธิซื้อหุ้นที่ราคา 50 บาทไปขายที่ราคาตลาด 45 บาทจะขาดทุนทันที (ซื้อแพงกว่าตลาด)

ถ้าเป็น Put DW = หุ้นแม่ > ราคาใช้สิทธิ 
ตัวอย่างเช่น หุ้น A ราคา 55 บาท  ราคาใช้สิทธิขาย 50 บาท จะขายถูกกว่าตลาดถ้าใช้สิทธิขายหุ้นที่ราคา 50 บาทจะขาดทุนทันทีเนื่องจากราคาหุ้นในตลาดอยู่ที่ 55 บาท (สูงกว่า)

**** หากถือ DW จนหมดอายุมูลค่าจะเท่ากับ 0 บาทหรือไม่ได้รับเงินคืนส่วนต่างครับ

 DW เหมาะหรือไม่เหมาะกับใคร? 

 คนที่ เหมาะ กับ DW  

คนที่ชอบเทรดสั้น ๆ จบไว ไม่ชอบถือหุ้นนาน ๆ เน้นเข้าเร็ว-ออกเร็ว จบในวันหรือไม่กี่วัน 
คนที่มองหาสินทรัพย์ที่ทำกำไรได้ทั้งขาขึ้นและขาลง 
คนที่รับความเสี่ยงได้  DW ราคาผันผวนเร็ว ต้องใจนิ่ง รับได้ทั้งขึ้นแรงและลงแรง 
คนที่ศึกษามาแล้ว เข้าใจคำว่า Call/Put, Strike, วันหมดอายุเช็กตารางรับซื้อคืนเป็นแบบนี้ มีโอกาสชนะมากขึ้น 

 คนที่ ไม่เหมาะ กับ DW 

มือใหม่ที่ยังไม่เข้าใจ ไม่รู้ว่า DW คือสิทธิ ไม่ใช่หุ้นจริง หรือซื้อเพราะเห็นว่าราคาถูกเสี่ยงพลาดหนัก 
คนที่ชอบถือหุ้นยาว ๆ เนื่องจาก DW มีวันหมดอายุหาก ถือไว้นานเกินไปมูลค่าค่อย ๆหาย  
คนที่กลัวความผันผวนราคา DW แกว่งแรงกว่าหุ้นแม่  
คนที่คาดหวัง “กำไรแน่ ๆ” DW ไม่ได้การันตีผลตอบแทนมีโอกาสขาดทุนได้สูงกว่าปกติ 

 สรุปง่าย ๆ 

DW  คือเครื่องมือเก็งกำไรที่ “แรง” และ “เร็ว” 
เหมาะกับคนที่ชอบลุย ชอบวิเคราะห์ และเข้าใจความเสี่ยง 
ถ้าเป็นมือใหม่แนะนำให้เริ่มศึกษา และลองเทรดด้วยเงินน้อย ๆ ก่อนนะครับ  

ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน

---

Dime! ครบเครื่องเรื่องการเงิน แอปพลิเคชันที่ทุกคนสามารถเข้าถึงการลงทุนได้อย่างเท่าเทียม 

เรารอฟังคำแนะนำจากทุกคนอยู่ ติดต่อเราได้เลยทางแอป Dime! หรือช่องทางโซเชียล Facebook และ LINE

[รู้จักเรา]
Dime! (ไดม์!) แปลว่าเหรียญ 10 เซนต์ (ประมาณ 3 บาท) สื่อถึงความตั้งใจของเราที่จะทำให้การเงินการลงทุน เป็นเรื่องที่คุณเข้าถึงได้ง่ายเหมือนกับเงิน 1 ไดม์