เพื่อน ๆ ลองจินตนาการถึงโลกการเงินในยุคก่อนอินเทอร์เน็ตกันดูครับ.. ภาพของห้องค้าหลักทรัพย์ที่เต็มไปด้วยเสียงตะโกนโหวกเหวก ผู้คนโบกมือส่งสัญญาณซื้อขายหุ้นกันวุ่นวาย เอกสารกระดาษปลิวว่อน นั่นคือภาพจำของตลาดหุ้นแบบดั้งเดิม แต่แล้วในปี 1971 พายุแห่งการเปลี่ยนแปลงก็ได้เริ่มต้นขึ้น ณ มุมหนึ่งของสหรัฐอเมริกา ด้วยการถือกำเนิดของ NASDAQ ตลาดหุ้นอิเล็กทรอนิกส์เต็มรูปแบบแห่งแรกของโลก

นี่ไม่ใช่แค่การเปลี่ยนจากกระดาษมาสู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ แต่มันคือการปฏิวัติ เพราะ NASDAQ เกิดขึ้นพร้อมดีเอ็นเอของ “นวัตกรรม” ตลาดนี้ไม่ได้สร้างขึ้นเพื่อสนับสนุนบริษัทเก่าแก่ในประเทศสหรัฐอเมริกา แต่ตั้งใจเปิดประตูต้อนรับบริษัทคลื่นลูกใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง บริษัทเทคโนโลยีที่กำลังจะพลิกโลก

Intel คือหนึ่งในผู้บุกเบิกรายแรก ๆ ที่ก้าวเข้ามา และนับจากนั้น NASDAQ ก็กลายเป็นเสมือนบ้านของเหล่าดาวรุ่งพุ่งแรง

แน่นอนว่าเส้นทางไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ NASDAQ เผชิญบททดสอบครั้งใหญ่ในช่วงวิกฤตฟองสบู่ดอทคอม ดัชนีพุ่งทะยานสู่จุดสูงสุด ก่อนจะดิ่งเหวอย่างน่าใจหาย หลายบริษัทต้องล้มหายตายจากไป แต่ท่ามกลางซากปรักหักพังนั้นเอง บริษัทที่แข็งแกร่งอย่างแท้จริงอย่าง Microsoft, Apple, Amazon ก็ได้พิสูจน์ตัวเอง และเติบโตขึ้นมาเป็นยักษ์ใหญ่ในปัจจุบัน วิกฤตครั้งนั้นได้หล่อหลอมให้ NASDAQ กลายเป็นสัญลักษณ์ของนวัตกรรมที่มาพร้อมกับศักยภาพการเติบโตสูง แม้บางครั้งจะต้องเผชิญความผันผวนก็ตาม

จุดเปลี่ยนสำคัญเมื่อตลาดกลายเป็น ‘บริษัทเทคโนโลยี’ (NDAQ)

เรื่องราวอาจจะจบลงแค่นี้ หาก NASDAQ ยังคงพอใจกับการเป็นเพียงตลาดหุ้นชั้นนำ แต่พวกเขามีวิสัยทัศน์ที่ไกลกว่านั้น ในปี 2002 Nasdaq, Inc. ได้ก้าวเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ด้วยตัวเอง ภายใต้สัญลักษณ์ NDAQ นี่คือจุดเริ่มต้นของการเดินทางครั้งใหม่ จากผู้ให้บริการตลาด สู่การเป็น บริษัทเทคโนโลยีการเงิน (FinTech) ระดับโลก

NDAQ ตระหนักว่า หัวใจสำคัญของตลาดการเงินยุคใหม่คือเทคโนโลยี พวกเขาไม่ได้หยุดแค่การพัฒนาระบบซื้อขายของตัวเอง แต่เริ่มขายเทคโนโลยีและความเชี่ยวชาญเหล่านี้ให้กับตลาดหลักทรัพย์ ธนาคาร โบรกเกอร์ และสถาบันการเงินอื่น ๆ ทั่วโลก ปัจจุบัน มีสถาบันกว่า 130 แห่ง ในกว่า 50 ประเทศ ที่ใช้เทคโนโลยีของ NDAQ เป็นแกนหลักในการดำเนินงาน

แต่ NDAQ ไม่ได้หยุดแค่นั้น พวกเขามองเห็นช่องว่างและโอกาสในโลกการเงินที่ซับซ้อนขึ้นเรื่อย ๆ และเริ่มขยายอาณาจักรผ่านการเข้าซื้อกิจการเชิงกลยุทธ์ ที่ไม่ใช่แค่การซื้อเพื่อเพิ่มขนาด แต่เป็นการซื้ออนาคต ด้วยเหตุการณ์สำคัญ ดังนี้

- OMX (2007) การควบรวมกับผู้ให้บริการตลาดในกลุ่มนอร์ดิก ไม่ใช่แค่การขยายสู่ยุโรป แต่คือการได้เทคโนโลยีการซื้อขายชั้นสูงมาต่อยอด

- Verafin (2020) นี่คือการกระโจนเข้าสู่สมรภูมิสงครามต่อต้านอาชญากรรมทางการเงิน (Anti-Financial Crime - AFC) ที่มีมูลค่ามหาศาล NDAQ มองเห็นว่าอาชญากรรมทางการเงินคือปัญหาใหญ่ระดับโลก และ Verafin คือคำตอบด้วยเทคโนโลยี AI สุดล้ำ

- Adenza (2023) การซื้อกิจการครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ ด้วยมูลค่ากว่า 1 หมื่นล้านดอลลาร์ Adenza คือผู้นำด้านซอฟต์แวร์บริหารความเสี่ยงและรายงานกฎระเบียบ การซื้อครั้งนี้ทำให้ NDAQ ขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มธนาคารและผู้จัดการสินทรัพย์โดยตรง และกลายเป็นผู้ให้บริการโซลูชันที่ครบวงจรยิ่งขึ้น

ทุกวันนี้ NDAQ ไม่ใช่แค่บ้านของหุ้นเทคฯ ทั้งเล็กและใหญ่ แต่คือขุมพลังที่ขับเคลื่อนโลกการเงิน ด้วยรายได้ที่หลากหลายด้วย

1. ธุรกิจ Market Services ที่ปั้นรายได้ดั้งเดิมจากการซื้อขายในตลาดของตนเอง

2. ธุรกิจ Capital Access Platforms มีรายได้จากการจดทะเบียน (IPO), การขายข้อมูลตลาด, และการให้ลิขสิทธิ์ในดัชนี (ดัชนี Nasdaq-100 ที่โด่งดัง และทำเงินให้ NDAQ อย่างต่อเนื่อง)

3. ธุรกิจ Financial Technology ธุรกิจใหม่ที่เติบโตเร็วที่สุด คือการขายเทคโนโลยีตลาด, RegTech (เทคโนโลยีด้านกฎระเบียบ) และ AFC (ต่อต้านอาชญากรรมทางการเงิน) ซึ่งส่วนใหญ่กำลังเปลี่ยนเป็นโมเดล SaaS (Software as a Service) ที่สร้างรายได้ประจำอย่างมั่นคง

NDAQ กับภารกิจสร้างโครงสร้างพื้นฐานแห่งอนาคต เพราะ NDAQ ไม่ได้มองแค่วันนี้ พวกเขากำลังสร้างอนาคตของการเงินด้วยการลงทุนใน

- ธุรกิจ Cloud โดยการจับมือกับยักษ์ใหญ่อย่าง Amazon Web Services (AWS) เพื่อยกเครื่องโครงสร้างพื้นฐานการเงินสู่ระบบคลาวด์ เพิ่มความยืดหยุ่น ปลอดภัย และเชื่อมต่อทั่วโลก

- พัฒนาโครงสร้าง AI ด้วยการผสานปัญญาประดิษฐ์เข้ากับทุกโซลูชัน ตั้งแต่การตรวจจับอาชญากรรมไปจนถึงการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก

- Digital Assets พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานระดับสถาบัน เพื่อรองรับการเติบโตของสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างปลอดภัย

เป้าหมายสูงสุดของ NDAQ คือการเป็นโครงสร้างพื้นฐานที่เชื่อถือได้ ที่ระบบการเงินโลกขาดไม่ได้ เป็นผู้ให้บริการเทคโนโลยีเบื้องหลังที่ทำให้ทุกอย่างดำเนินไปอย่างราบรื่น โปร่งใส และปลอดภัย

ทำไมเรื่องราวนี้จึงสำคัญกับนักลงทุนเช่นคุณ ?

การเข้าใจเรื่องราวของ NDAQ ทำให้เราเห็นภาพที่ใหญ่กว่าการลงทุนในตลาดหุ้น แต่คือการลงทุนในบริษัทที่สร้างและขับเคลื่อนตลาดหุ้น และบริษัทเทคโนโลยีที่แก้ปัญหาใหญ่ของโลกการเงิน นี่คือโอกาสการลงทุนที่น่าสนใจอย่างยิ่ง เพราะ NDAQ มีส่วนผสมที่ลงตัว

การลงทุนใน NDAQ จึงไม่ใช่แค่การเดิมพันกับบริษัทใดบริษัทหนึ่ง แต่คือการลงทุนในอนาคตของนวัตกรรมและโครงสร้างพื้นฐานของระบบการเงินโลก

 แล้วนักลงทุนไทยจะร่วมเดินทางไปกับเรื่องราวอันน่าทึ่งนี้ได้อย่างไร ?

การได้เป็นส่วนหนึ่งของบริษัทที่มีวิสัยทัศน์และเติบโตอย่าง NDAQ ย่อมเป็นสิ่งที่นักลงทุนจำนวนมากใฝ่ฝัน ซึ่งเพื่อน ๆ สามารถลงทุนได้หลากหลายวิธี เช่นการซื้อหุ้น NDAQ โดยตรงผ่านแอปพลิเคชัน Dime! เริ่มต้นเพียง 50 บาท

หรือใครที่กังวลเรื่องภาษีหุ้นต่างประเทศ และความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน อีกทางเลือกการลงทุนที่น่าสนใจไม่แพ้กันก็คือการลงทุนผ่าน DR (Depositary Receipt) ที่อ้างอิงหุ้น NDAQ ที่ชื่อว่า ‘NDAQ06’ โดยสามารถซื้อโดยตรงผ่านกระดานตลาดหุ้นไทยบนแอปพลิเคชัน Dime! ได้เช่นเดียวกันครับ

เพราะในยุคที่โลกการเงินเชื่อมถึงกันหมดแบบนี้ มันคงจะดีไม่น้อยใช่ไหมครับ หากมีเส้นทางที่สะดวกและง่ายดายกว่า ที่จะเปิดประตูให้เราสามารถเข้าถึงโอกาสการลงทุนในหุ้นระดับโลกอย่าง NDAQ ได้จากตลาดหุ้นไทยนี่เอง ?

เรื่องราวนี้ยังมีบทต่อไปที่น่าติดตามครับ..

ข้อมูลนี้จัดทำขึ้นเพื่อเป็นการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น โดยไม่ถือว่าเป็นการให้คำแนะนำด้านการลงทุน บทวิเคราะห์ หรือการเสนอขายแต่อย่างใด ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน

 

---

Dime! ครบเครื่องเรื่องการเงิน แอปพลิเคชันที่ทุกคนสามารถเข้าถึงการลงทุนได้อย่างเท่าเทียม 

เรารอฟังคำแนะนำจากทุกคนอยู่ ติดต่อเราได้เลยทางแอป Dime! หรือช่องทางโซเชียล Facebook และ LINE

[รู้จักเรา]
Dime! (ไดม์!) แปลว่าเหรียญ 10 เซนต์ (ประมาณ 3 บาท) สื่อถึงความตั้งใจของเราที่จะทำให้การเงินการลงทุน เป็นเรื่องที่คุณเข้าถึงได้ง่ายเหมือนกับเงิน 1 ไดม์