KKP Dime บริษัทในเครือเกียรตินาคินภัทร
Share modal

กองทุนรวมเชิงรุกและเชิงรับ ต่างกันยังไง เลือกแบบไหนดี

13 มกราคม 2565 · อ่าน 3 นาที

กองทุนรวม
copy link

เคยคิดเล่น ๆ กันมั้ยว่า การลงทุนในกองทุนรวม ที่มีผู้จัดการกองทุนรับผิดชอบดูแลเงินของเรา เอาเงินเราไปทำอะไรบ้าง ? มีนโยบายการลงทุนแบบไหน ? มีกลยุทธ์การลงทุนยังไง 

คำถามเหล่านี้ ล้วนมีส่วนสำคัญต่อ แนวทาง ความคิด และความสำเร็จในการลงทุนของเรา 

กลยุทธ์การลงทุน ก็เหมือนกับระบบนำทาง ถ้าเรามีระบบนำทางที่ดี เราก็จะเดินทางถึงที่หมายได้เร็วและปลอดภัย  

แต่ถ้าเราไม่เข้าใจ ใช้ระบบนำทางไม่เป็น สุดท้ายเราก็จะหลงทาง เสียทั้งเงิน เสียทั้งเวลา 

กลยุทธ์การลงทุนในกองทุนรวม

ปกติแล้วแบ่งได้เป็น 2 ประเภท คือ

  1. กลยุทธ์เชิงรุก (Active Fund)
  2. กลยุทธ์เชิงรับ (Passive Fund)  

 

13012022   กองทุนรวมเชิงรุกและเชิงรับ ต่างกันยังไง เลือกแบบไหนดี

 

กลยุทธ์ทั้ง 2 ประเภทนี้แตกต่างกันยังไง ? เราจะเลือกแบบไหนดี ?

ลองดูจากปัจจัยต่อไปนี้

 

1. นโยบายการลงทุนและผลตอบแทน 

ขอแบบสั้น ๆ คือ กองทุนรวมเชิงรุกจะเน้นสร้างผลตอบแทนให้เหนือกว่าดัชนีชี้วัด (Benchmark) ขณะที่กองทุนรวมเชิงรับจะเน้นสร้างผลตอบแทนให้ใกล้เคียงกับดัชนีชี้วัด  

แล้ว ดัชนีชี้วัด คืออะไร ?  

ดัชนีชี้วัด หมายถึงสิ่งที่ใช้เปรียบเทียบ เพื่อดูว่ากองทุนรวมสร้างผลตอบแทนได้ดีกว่าหรือแย่กว่าผลตอบแทนของสิ่งที่นำมาอ้างอิง 

ซึ่งกองทุนรวมแต่ละประเภทก็จะมีดัชนีชี้วัดแตกต่างกันไป  

เช่น กองทุนรวมหุ้นไทย ก็มักจะใช้ดัชนีชี้วัดเป็น SET Index แต่ถ้าเป็นกองทุนรวมตราสารหนี้ จะมีดัชนีชี้วัดคือ อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาล (ThaiBMA Government Bond Index) เป็นต้น 

ดังนั้นกองทุนรวมเชิงรุกจึงต้องเน้น การสรรหา การคัดเลือกหุ้นที่ดีที่สุด เพื่อสร้างกลยุทธ์ที่มีการลงทุนในหุ้นแค่บางตัว จึงจะได้ผลตอบแทนที่แตกต่างจากดัชนีชี้วัด (อาจจะดีหรือแย่กว่าก็ได้) 

ส่วนกองทุนรวมเชิงรับ เน้นการสร้างผลตอบแทนให้ใกล้กับดัชนีอ้างอิงมากที่สุด ดังนั้นผู้จัดการกองทุนจึงต้องลงทุนในหุ้นทุกตัว ด้วยสัดส่วนที่ใกล้เคียงหรือเหมือนกับดัชนีอ้างอิง  

 

2. ความเสี่ยง 

แน่นอนว่าการจะสร้างผลตอบแทนให้ดีกว่าดัชนีชี้วัด ย่อมมีความเสี่ยงสูงกว่า เป็นผลจากการเลือกหุ้นลงทุนรายตัว ถึงแม้ว่าผู้จัดการกองทุนจะเลือกมาดีแล้ว แต่ก็ยังมีความเสี่ยงที่อาจจะเลือกผิดตัวก็ได้  

ดังนั้นกองทุนรวมเชิงรุกจึงมีความเสี่ยงสูงกว่ากองทุนรวมเชิงรับที่มีความเสี่ยงใกล้เคียงกับดัชนีชี้วัด 

 

3. ค่าธรรมเนียม 

กองทุนรวมเชิงรุก จะมีค่าธรรมเนียมในการจัดการสูง เพราะผู้จัดการกองทุนต้องใช้ความพยายาม ทุ่มเท ในการดูแล สรรหาการลงทุนที่จะทำให้ผลตอบแทนเหนือดัชนีชี้วัด (ขอย้ำอีกที !! ผลตอบแทนในชีวิตจริงอาจจะดีหรือแย่กว่าก็ได้) 

ส่วนกองทุนรวมเชิงรับ จะมีค่าธรรมเนียมต่ำ เพราะไม่ต้องดูแลมากนัก ทุกอย่างคือการเลียนแบบดัชนีชี้วัด 

 

4. ความยืดหยุ่นในการลงทุน 

กองทุนรวมเชิงรุก มีความยืดหยุ่นมากกว่า โดยผู้จัดการกองทุนสามารถปรับเปลี่ยนหุ้น เข้า-ออก ได้ตามความเหมาะสม ขณะที่กองทุนรวมเชิงรับไม่สามารถปรับเปลี่ยนได้   

 

สรุป เราเหมาะกับกองทุนรวมไหน ? 

หัวใจหลักอยู่ที่ความเสี่ยงที่เรารับได้และเวลาในการหาความรู้และศึกษา 

ถ้าเราเป็นนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูงและมีเวลาในการศึกษา ติดตามข่าวเศรษฐกิจ การลงทุน สืบค้นดูฝีมือการสร้างผลตอบแทนในอดีตย้อนหลังของผู้จัดการกองทุน ในกรณีนี้กองทุนรวมเชิงรุกจะเข้ามาตอบโจทย์  

แต่ถ้าเราเป็นนักลงทุนที่ไม่ชื่นชอบความเสี่ยงมากนัก ไม่มีเวลาติดตามข่าวสาร ไม่อยากเลือกหุ้นด้วยตัวเอง แต่อยากลงทุนในระยะยาว กองทุนรวมเชิงรับจะเหมาะมากกว่า 

 

อ้างอิง
www.investopedia.com
www.set.or.th


Dime! แอปที่จะเปลี่ยนให้การเงินเป็นเรื่องของทุกคน และเราก็อยากให้ทุกคนมาร่วมพัฒนาแอปนี้ไปด้วยกัน

เรารอฟังคำแนะนำจากทุกคนอยู่
ติดต่อเราได้เลยทาง Facebook หรือ LINE

[รู้จักเรา]
Dime! (ไดม์!) แปลว่าเหรียญ 10 เซนต์ (ประมาณ 3 บาท) สื่อถึงความตั้งใจของเราที่จะทำให้การเงินการลงทุน เป็นเรื่องที่คุณเข้าถึงได้ง่ายเหมือนกับเงิน 1 ไดม์

KKP Dime บริษัทในเครือเกียรตินาคินภัทร

KKP Dime
เป็นบริษัทในเครือเกียรตินาคินภัทร

img-qr-code
img-qr-ring
สแกนเพื่อ
ดาวน์โหลด
แอป Dime!
ผลิตภัณฑ์
ออมเงินลงทุนจัดการ
กฎหมายและข้อบังคับ
ประกาศนโยบายการใช้คุกกี้ประกาศความเป็นส่วนตัวใบอนุญาตประกอบธุรกิจฯ
facebookinstagramtwittertiktoklineblockdit
© สงวนลิขสิทธิ์ บริษัท หลักทรัพย์ เคเคพี ไดม์ จำกัด