Call Option vs Put Option เข้าใจง่าย ๆ ด้วยการเปรียบเทียบเรื่องใกล้ตัว
24 กรกฎาคม 2568 · อ่าน 5 นาที
❇️ Options (ออปชัน) คือ “สัญญาที่ให้คุณมีสิทธิ์” ในการซื้อหรือขายหุ้นในราคาที่กำหนดไว้ล่วงหน้า ภายในระยะเวลาที่กำหนด โดยที่คุณ ไม่จำเป็นต้องใช้สิทธินั้นก็ได้
พูดให้เข้าใจง่ายกว่านั้น
คุณไม่ได้ซื้อของจริงตอนนี้ แต่คุณกำลังซื้อ “คูปองสิทธิ์” ที่สามารถนำไปใช้ในอนาคต ถ้าเงื่อนไขเป็นใจและมีกำไร คุณค่อยใช้คูปองนั้นก็ยังทัน
🟢 Call Option = สิทธิ์ในการ “ซื้อ”
👟ลองนึกภาพว่าคุณไปเจอรองเท้า Yeezy รุ่นลิมิเต็ดที่ชอบมาก แต่ยังลังเลว่าจะซื้อดีไหม
ทางร้านเสนอว่า..
จ่ายมัดจำไว้ $10 เพื่อจองสิทธิ์ในการซื้อรองเท้าในราคา $200 ภายใน 30 วัน
📈ถ้าอีก 2 สัปดาห์ ราคาตลาดพุ่งไป $400 คุณใช้สิทธิ์ซื้อที่ $200 แล้วขายต่อได้เลย ได้กำไรทันที $200
📉ถ้าราคาตลาดลดลงเหลือ $150 คุณไม่ต้องใช้สิทธิ์ซื้อก็ได้ เสียแค่ $10 ที่จ่ายไว้
นี่คือ Call Option = จ่ายเงินเพื่อ “ล็อกสิทธิ์ในการซื้อ” โดยหวังว่าราคาจะ ขึ้น
🟢Put Option = สิทธิ์ในการ “ขาย”
📱ลองกลับกัน สมมติว่าคุณมี iPhone รุ่นเก่าที่ตอนนี้ยังขายได้ราคา $800 แต่คุณกลัวว่าราคาจะตกลงเมื่อรุ่นใหม่เปิดตัว
ร้านมือถือจึงเสนอว่า..
จ่ายค่าประกัน $20 เพื่อจองสิทธิ์ขาย iPhone เครื่องนี้ให้เราในราคา $800 ภายใน 30 วัน ไม่ว่าราคาตลาดจะเป็นอย่างไร
📉ถ้าราคาตลาดลดลงเหลือ $600 คุณใช้สิทธิ์ขายในราคาเดิม $800 ได้ทันที ป้องกันการขาดทุนได้
📈ถ้าราคายังอยู่ที่ $800 หรือสูงขึ้น คุณไม่ต้องใช้สิทธิ์ขายก็ได้ เสียแค่ค่าประกัน $20
นี่คือ Put Option = จ่ายเงินเพื่อ “ล็อกสิทธิ์ในการขาย” โดยหวังว่าราคาจะลง
🏦ถ้าเอามาใช้กับหุ้นล่ะ ?
เริ่มจาก Call Option
👩💻ลองเปลี่ยนจากรองเท้า เป็นหุ้น Apple (AAPL)
ถ้าตอนนี้ราคาหุ้น AAPL อยู่ที่ $180 คุณคิดว่าอีกไม่กี่วันราคาจะขึ้นแน่นอน เพราะ Apple จะเปิดตัว iPhone รุ่นใหม่
💸คุณจึงซื้อ Call Option แบบนี้
Strike Price (ราคาใช้สิทธิ์) $180
Premium (ราคาออปชัน) $0.5 ต่อหุ้น
Expiration Date (วันหมดอายุ) อีก 14 วัน
📈ถ้าอีก 7 วัน ราคาหุ้นพุ่งไป $200
คุณสามารถได้กำไร 2 วิธี
🔁กรณีที่ 1: ใช้สิทธิ์ซื้อหุ้น แล้วขาย
คุณใช้สิทธิ์ซื้อหุ้นในราคา $180 แล้วขายที่ $200
กำไรต่อหุ้น = $20 – $0.5 = $19.5
ถ้าคุณถือ Option 1 สัญญา (100 หุ้น)
ได้กำไรรวม $1,950 จากเงินลงทุน $50
🔁กรณีที่ 2: ไม่ใช้สิทธิ์ แต่ขาย Option ทิ้ง
เมื่อหุ้นขึ้นจาก $180 เป็น $200
มีความน่าจะเป็นที่ราคา Premium จะสูงขึ้น ทำให้ราคา Option มีราคาสูงขึ้นตาม
จากเดิมที่คุณซื้อไว้ในราคา $0.5/หุ้น
ตอนนี้ Premium อาจขึ้นเป็น $1/หุ้น
หากคุณยังไม่ได้ใช้สิทธิ์อะไรเลย
คุณสามารถ “ขาย Option นี้” ในตลาด ที่ราคา $1/หุ้น
ขายทั้งสัญญา (100 หุ้น) = $100
ได้กำไร $50 จากต้นทุน $50 คิดเป็นอัตรากำไร 100 %
📌 กำไรจากกรณีที่ 2 อาจน้อยกว่าการใช้สิทธิ์ซื้อหุ้นจริง
แต่กรณีที่ 2 ไม่ต้องควักเงินเพิ่มอีก $18,000 เพื่อใช้สิทธิ์ในการซื้อหุ้น
เพราะแค่ขาย Option ทิ้ง ก็ทำกำไรได้จากส่วนต่างของราคา โดยใช้แค่เงินค่า Premium ที่จ่ายไว้ตั้งแต่ต้น
🚨แต่ถ้าราคาไม่ขยับ หรือร่วง
คุณไม่ใช้สิทธิ์ก็ได้ จะเสียแค่ Premium $0.5 × 100 = $50
ขาดทุนสูงสุดจะจำกัดอยู่เพียงค่า Premium เท่านั้น
📉แล้วถ้ามองว่าหุ้นจะ “ลง” ล่ะ ?
🚗คราวนี้ลองเปลี่ยนจาก iPhone เป็นหุ้น Tesla (TSLA) ตอนนี้ราคาอยู่ที่ $250
คุณคิดว่าอีกไม่กี่วัน หุ้นจะร่วง เพราะมีข่าวไม่ดีเกี่ยวกับยอดขายรถ EV
💸คุณจึงซื้อ Put Option หรือ “สิทธิ์ลุ้นตอนตลาดร่วง” แบบนี้
Strike Price (ราคาใช้สิทธิ์) = $250
Option Premium (ราคาออปชัน) = $0.5 ต่อหุ้น
Expiration Date (วันหมดอายุ) อีก 14 วัน
📉 ถ้าอีก 7 วัน ราคาหุ้นร่วงลงไปเหลือ $230
คุณใช้สิทธิ์ “ขาย” ที่ $250 ทั้งที่ตลาดซื้อขายกันแค่ $230
กำไรต่อหุ้น = $20 – $0.5 (Premium) = $19.5/หุ้น
ถ้าคุณถือ Option 1 สัญญา (= 100 หุ้น)
ได้กำไร $1,950 จากเงินลงทุนแค่ $50
🥶 แต่ถ้าหุ้นไม่ร่วง หรือดันขึ้น
คุณไม่ใช้สิทธิ์ก็ได้ จะเสียแค่ Premium $0.5 × 100 = $50
ขาดทุนสูงสุดคือเงินที่จ่ายค่า Premium เท่านั้น
❇️สรุปให้เข้าใจง่ายอีกครั้ง
Call Option = ซื้อสิทธิ์ไว้ก่อน เผื่อราคาขึ้น จะได้กำไร
Put Option = ซื้อสิทธิ์ขายไว้ เผื่อราคาตก จะได้ขายในราคาที่ดี
🚨 แล้วออปชัน ต้องระวังอะไรบ้าง? ⏳ ออปชันมีวันหมดอายุ ถ้าไม่ตัดสินใจในเวลา จะเสียสิทธิ์ทันที
🤯ต้องเข้าใจภาพรวมทั้งทิศทางตลาดและกรอบเวลา
💸 ถ้ามองผิดทาง ค่า Premium ที่จ่ายไปอาจกลายเป็นศูนย์
❇️ ออปชันไม่ใช่เครื่องมือวัดดวง แต่คือ “อาวุธทางกลยุทธ์” ที่ช่วยให้คุณควบคุมความเสี่ยง และเปิดโอกาสให้มีกำไรในทุกสภาวะตลาด
ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
ผลการดำเนินงานในอดีต/ ผลการเปรียบเทียบ ผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต
Dime! ครบเครื่องเรื่องการเงิน แอปพลิเคชันที่ทุกคนสามารถเข้าถึงการลงทุนได้อย่างเท่าเทียม
เรารอฟังคำแนะนำจากทุกคนอยู่ ติดต่อเราได้เลยทางแอป Dime! หรือช่องทางโซเชียล Facebook และ LINE
[รู้จักเรา]
Dime! (ไดม์!) แปลว่าเหรียญ 10 เซนต์ (ประมาณ 3 บาท) สื่อถึงความตั้งใจของเราที่จะทำให้การเงินการลงทุน เป็นเรื่องที่คุณเข้าถึงได้ง่ายเหมือนกับเงิน 1 ไดม์